คลายล็อกสินทรัพย์ดิจิทัล: เมื่อไทยเดินหน้าสู่เส้นทางใหม่ของการเงินยุคใหม่

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของประเทศไทยในแวดวงสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อภาครัฐประกาศนโยบายผ่อนคลายการกำกับดูแลคริปโตเคอร์เรนซี ภายใต้กรอบแนวคิดที่มุ่งยกระดับตลาดการเงินไทยให้ทันสมัยและเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเพื่อรองรับนักลงทุนภายในประเทศ แต่ยังเพื่อดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ และส่งเสริมการใช้งานจริงของสินทรัพย์ดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ยังรวมถึงแผนการเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถใช้คริปโตผ่านบัตรเครดิตเชื่อมกับกระเป๋าเงินดิจิทัลเพื่อใช้จ่ายในประเทศ โดยที่ร้านค้าได้รับเงินบาทตามปกติ กลไกนี้จะช่วยลดความเสี่ยงด้านค่าเงิน และยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาค
เมื่อความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เริ่มต้นขึ้น นักลงทุนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ต่างจับตาว่าจะมีโทเคนประเภทใดที่อาจได้รับผลบวกจากนโยบายเปิดของรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มเหรียญที่เน้นการใช้งานจริง หรือมีภารกิจที่สอดคล้องกับทิศทางนโยบายของไทยในขณะนี้ ซึ่งกระแสความสนใจนี้ได้กระตุ้นให้เกิดการค้นหาเหรียญใหม่ที่มีศักยภาพเติบโตในปี 2025 ไม่ว่าจะเป็นเหรียญที่เน้นเรื่อง DeFi, NFT เชิงสังคม หรือเหรียญที่พัฒนาโดยแพลตฟอร์มในเอเชียที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในระดับชุมชนได้จริง
เมื่อพูดถึงการผลักดันเทคโนโลยีดิจิทัลสู่ชุมชนระดับฐานราก หนึ่งในโครงการเด่นที่ถูกจับตามองในปีนี้คือ “OTOD Smart Living” ภายใต้การดูแลของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ซึ่งมีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการเสริมสร้างทักษะดิจิทัลให้แก่ประชาชนในพื้นที่ชนบท เกษตรกร และกลุ่มชุมชนทั่วประเทศ โครงการนี้มุ่งหวังให้คนในท้องถิ่นสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิต ผ่านกระบวนการเรียนรู้ การเข้าถึงอุปกรณ์สมัยใหม่ และการใช้ข้อมูลเชิงดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตและตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
ความน่าสนใจคือ โครงการ OTOD ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเรียนรู้ทักษะดิจิทัลพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังมุ่งวางรากฐานเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ “เมืองอัจฉริยะน่าอยู่” โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการออกแบบและใช้เทคโนโลยีที่เหมาะกับบริบทของตนเอง และในระยะยาว โครงการลักษณะนี้สามารถวางพื้นฐานให้เกิดการใช้งานคริปโตและเทคโนโลยีบล็อกเชนในระดับชุมชน เช่น การเก็บข้อมูลผลผลิตผ่านสมาร์ตดีไวซ์ การเข้าถึงบริการการเงินผ่านวอลเลตดิจิทัล หรือแม้แต่การออกโทเคนเฉพาะกิจเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนในอนาคต
ขณะเดียวกัน ฝั่งของตลาดการเงินก็มีความเคลื่อนไหวที่สอดรับกับแนวคิดนี้เช่นกัน หนึ่งในก้าวสำคัญคือการเปิดตัว G-Token ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่ออกโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (PDMO) โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนทั่วไปสามารถลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลแบบรายย่อยได้ง่ายขึ้น ผ่านระบบดิจิทัลที่ปลอดภัยและโปร่งใส ภายใต้การดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งได้กำหนดให้การซื้อขาย G-Token ดำเนินผ่านแพลตฟอร์มที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น และห้ามใช้ในเชิงเก็งกำไรหรือชำระค่าสินค้าบริการโดยตรง เพื่อปกป้องนักลงทุนรายย่อยจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
ภายใต้แนวทางการผ่อนคลายที่กำลังเกิดขึ้น รัฐบาลยังเตรียมยกระดับบทบาทของ ก.ล.ต. ให้สามารถดำเนินคดีได้รวดเร็วขึ้นในกรณีที่เกิดการทุจริตหรือบิดเบือนตลาดคริปโต และมีแผนจะผนวกรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนและสินทรัพย์ดิจิทัลให้เป็นโครงสร้างเดียวกันเพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางใหม่ของประเทศไทย ที่ไม่เพียงแต่เปิดรับเทคโนโลยี แต่ยังมุ่งพัฒนาให้เกิด ระบบนิเวศที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยไม่หลงทิศไปกับการเก็งกำไรที่ไร้รากฐาน