Eco Silk กรมหม่อนไหม นวัตกรรมหม่อนไหม สถาปนา

กรมหม่อนไหม สถาปนาครบรอบ 15 ปี พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ยกระดับคุณภาพงานหม่อนไหมทั้งระบบ สร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

วันที่ 4 ธันวาคม 2567 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี ซึ่งจัดงานภายใต้แนวคิด “Eco Silk : ไหมรักษ์โลก”พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมงาน…

Home / PR NEWS / กรมหม่อนไหม สถาปนาครบรอบ 15 ปี พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ยกระดับคุณภาพงานหม่อนไหมทั้งระบบ สร้างรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

วันที่ 4 ธันวาคม 2567 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหม เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี ซึ่งจัดงานภายใต้แนวคิด Eco Silk : ไหมรักษ์โลก”พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วมงาน โดยมีนายนวนิตย์ พลเคน อธิบดีกรมหม่อนไหม คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมหม่อนไหม ให้การต้อนรับ

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมหม่อนไหมว่า “ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา กรมหม่อนไหม ได้ดำเนินงานภายใต้ ภารกิจสำคัญเพื่อทำให้เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมีอาชีพและรายได้ที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ 20 ปี และนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เสริมสร้างความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม โดยใช้การตลาด นำการผลิต การถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับมาตรฐานสินค้า พร้อมเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านหม่อนไหม ให้คงอยู่เป็นมรดกของชาติ รวมถึง การส่งเสริมสนับสนุนให้เป็น Soft Power ของไทย เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการด้านหม่อนไหม และประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก” รมว.นฤมล กล่าว

นายนวนิตย์ พลเคน อธิบดีกรมหม่อนไหม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “สำหรับผลงานสำคัญ ในปี 2567 กรมหม่อนไหมได้มุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนเกษตรกรหม่อนไหมรายใหม่และฟื้นฟูเกษตรกร รายเดิม ซึ่งมีผู้ขึ้นทะเบียนเกษตรกรหม่อนไหม จำนวน 24,505 ราย มากกว่าเป้าหมาย ถึง 37 เปอร์เซ็นต์ โดยเราได้สนับสนุนพันธุ์หม่อน ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม จำนวน 2.6 ล้านต้น และ ผลิตไข่ไหมพันธุ์ดี 101,392 แผ่น แจกจ่ายให้กับเกษตรกร จำนวน 13,730 ราย สำหรับการวิจัยและพัฒนา ได้มีการพัฒนา “ไหมพันธุ์ศรีสะเกษ 72” หรือ “ทับทิมวนา” ซึ่งมีรังไหมสีเหลืองเข้ม มีความแข็งแรง เลี้ยงง่ายให้ผลผลิตสูง และการนำไหมมาใช้ด้านวัสดุทางการแพทย์ เช่น โครงร่างกระดูก แผ่นปิดแผลสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและสำหรับใช้ฟื้นฟูเนื้อเยื่อเต้านมที่เกิดจากการผ่าตัดมะเร็งเต้านม การพัฒนาสินค้าประเภท Functional Food เช่น ผงโปรตีนจากดักแด้และหนอนไหม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากใบหม่อน
และใบหม่อนสำหรับเป็นอาหารเสริมในสัตว์”

“ในส่วนของงานรับรองมาตรฐาน กรมหม่อนไหมได้ตรวจรับรอง ฯ ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน ทั้งสิ้น 250,567 เมตร คิดเป็นมูลค่ากว่า 642 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 9.5 % นอกจากนี้ ยังมีการจับมือกับภาคเอกชน ในการทำเกษตรพันธสัญญา (contract farming) เพื่อช่วยรับประกันราคาผลผลิตและสร้างตลาดที่มีความมั่นคงให้เกษตรกร การส่งเสริมศักยภาพด้านการตลาดสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นสู่ ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั่วประเทศ และงาน “ตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย” ครั้งที่ 19 ซึ่งสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ กว่า 44 ล้านบาท โดยผลสัมฤทธิ์จากการขับเคลื่อนภารกิจของกรมหม่อนไหม ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี 2567 สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการหม่อนไหม รวมทั้งสิ้นกว่า 1,296 ล้านบาท และผลจากการทุ่มเทในการพัฒนางานหม่อนไหม ทำให้กรมหม่อนไหมได้รับรางวัลเลิศรัฐ รางวัลบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม รางวัลระดับดีรางวัลสัมฤทธิ์ผลประชาชนมีส่วนร่วมประจำปี 2567 เรื่อง “tonmonsilk : buriram model สืบสานไหมไทย ไว้ให้คงอยู่คู่แผ่นดิน” นับเป็นความภาคภูมิใจของกรมหม่อนไหม โดยรางวัลดังกล่าว จะเป็นแรงผลักดันให้กรมหม่อนไหมเดินหน้าทำงานเคียงข้างเกษตรกร พัฒนางานด้านหม่อนไหม พัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพ และขับเคลื่อนการพัฒนาหม่อนไหมไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป” อธิบดีกรมหม่อนไหมกล่าว