พี่แหม่ม นันทวรรณชยา ภาจิตประพันธ์ ผู้บริหารเนเจอร์เฮิร์บ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง จำกัด เจ้าของเพจ พี่แหม่มหัวใจใหญ่กว่ามะเร็ง https://www.facebook.com/bossmamfanpage ที่มุ่งเน้นการให้ความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพเป็นหัวใจหลัก โดยครั้งนี้ได้เทียบเชิญ คุณหมอหนุ่ย ผศ.นพ.ปรมินทร์ ม่วงแก้ว หัวหน้าสาขาวิชาศัลยศาสตร์ตับ ตับอ่อน และทางเดินน้ำดี โรงพยาบาลรามาธิบดี มาร่วมพูดคุยถึง สัญญานเตือนภัย!!! ก่อนมะเร็งตับ จะคุกคาม
ตับ นับว่าเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่มากมายหลายอย่างเพื่อให้มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ทั้งกระบวนการสร้าง ควบคุม รักษา และกรอง หากตับสุขภาพดีจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากตับได้รับผลกระทบบางอย่างอาจก่อให้เกิดโรคตับ หรือภาวะที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ยิ่งตับเสียหายจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ก็จะส่งผลกระทบไปยังระบบที่เกี่ยวข้อง เกิดเป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งต่อกันเป็นทอด ๆ
โดยทาง พี่แหม่ม ได้กล่าวว่า ‘ทุกคนคุ้นเคยกับคำว่า ไขมันพอกตับกับการกินเหล้าจนเป็นมะเร็งตับ นั่นหมายความว่าการที่คนคนหนึ่งจะเป็นมะเร็งตับไม่ใช่เรื่องของการดื่มเหล้าเท่านั้น หลักๆ คือพฤติกรรมของการกิน โดยเฉพาะ น้ำตาล และแป้งแปรรูป ถือว่าเป็นเป็นภัยเงียบที่น่ากลัวทีเดียวค่ะ’
ทางด้าน หมอหนุ่ย กล่าวว่า ‘ตับทำงานทั้งการขับการขจัดของเสียออกจากเลือด การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และการสร้างสารอาหารที่จำเป็น โดยแต่ละกระบวนการล้วนแล้วแต่เป็นหน้าที่ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตทั้งสิ้น ไขมันพอกตับ ไม่ใช่การกินไขมันแล้วไปพอกที่ตับ การที่เรารับประทานอาหารที่มีแป้งแปรรูป หรือน้ำตาล ตับจะจัดการอาหารเหล่านี้ โดยเปลี่ยนเป็นไขมันเพื่อเอาไปใช้งาน แต่ถ้าเมื่อไหร่ ที่มีมากเกินไป มันถึงไปเกาะตับ รวมไปถึงการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากและเป็นประจำ ซึ่งสัญญานที่บ่งบอกว่าตับเราเริ่มมีปัญหา อย่างเช่น ตัวเหลืองตาเหลือง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องโต ปวดท้องด้านขวาเป็นๆ หายๆ คันตามตัว อุจจาระสีซีด หรือเป็นไข้เรื้อรัง ถ้าหากมีอาการเหล่านี้ ก็ควรไปพบแพทย์ หากสงสัยก็ควรตรวจคัดกรองมะเร็งตับ เป็นการเช็คสุขภาพของตับที่ดีที่สุด และที่สำคัญคือเราควรหลีกเลี่ยงแอลลกอฮอล์ ของหวาน แป้งขัดขาว อาหารแปรรูป และพักผ่อนให้เพียงพอครับ
ซึ่งการที่เรามีการสะสมของไขมันส่วนเกินที่ตับ สิ่งที่ตามมาคือตับอักเสบ หลังจากนั้นจึงจะเกิดตับแข็งและเป็นมะเร็งตับในที่สุด ซึ่งการรักษามะเร็งตับ ถ้าอยู่ในระยะที่สามารถผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออกได้ก็จะใช้วิธีการผ่าตัดหรือการปลูกถ่ายตับ แต่ถ้าอยู่ในระยะโรคที่ก้อนมีขนาดใหญ่มากหรือมีหลายๆ ก้อน อาจจะต้องใช้วิธีการรักษาด้วยวิธีฉีดยาเคมีบำบัดเข้าทางเส้นเลือดหรือการรับประทานยาพุ่งเป้า หรือการรักษาตามอาการในผู้ป่วยระยะท้ายๆ ครับ’
โรคมะเร็งตับ ยังคงเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของมะเร็งทั้งหมด โดยเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และพบมากเป็นอันดับ 3 ในเพศหญิง และเมื่อเป็นแล้วมีโอกาสเสียชีวิตได้ถึง 87% หรือในทางกลับกันมีโอกาสอยู่รอดเพียง 13% เท่านั้น!!! สิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญนั่นคือการตรวจคัดกรองโรคระบบทางเดินอาหารและตับ
สามารถติดตามความรู้เพิ่มเติมจาก คุณหมอหนุ่ย ผศ.นพ.ปรมินทร์ ม่วงแก้ว ได้ที่ Podcast https://www.youtube.com/@พี่แหม่มหัวใจใหญ่กว่ามะเร็ง/videos และเพจ พี่แหม่ม หัวใจใหญ่กว่ามะเร็ง https://www.facebook.com/bossmamfanpage