ภาพยนตร์ไต้หวันมุ่งหน้าสู่ตลาดไทย! เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด และขยายโอกาสในการเข้าถึงผลงานภาพยนตร์ไต้หวันในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถาบันสร้างสรรค์คอนเทนต์ไต้หวัน (TAICCA) ได้จัดงานเทศกาลภาพยนตร์ไต้หวัน (TAIWAN MOVIE WEEK) ขึ้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายนที่ผ่านมา โดยในงานวันแรกมีผู้ชมเข้าร่วมอย่างคับคั่ง พร้อมช่วงทอล์กพิเศษหลังการฉายภาพยนตร์กับผู้กำกับ เฉิงเหว่ยหาว และโปรดิวเซอร์ จินไป่หลุน จากภาพยนตร์เรื่อง “Marry My Dead Body” รวมถึงผู้กำกับ ยินเจิ้นหาว จากซีรีส์เรื่อง “GG Precinct” พร้อมกันนี้ยังได้รับเกียรติจาก บรรจง ปิสัญธนะกูล ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยเลื่องชื่ออย่าง “ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ” และ “แฝด” เข้าร่วมงานในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดียิ่งในการสร้างฐานความนิยมของภาพยนตร์ไต้หวันในประเทศไทย เพื่อต่อยอดสู่การขยายตลาดภาพยนตร์ไต้หวันในอาเซียน
งาน TAIWAN MOVIE WEEK จัดขึ้นที่โรงภาพยนตร์อิสระขวัญใจคอภาพยนตร์ “House Samyan” ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดฉายของเทศกาลภาพยนตร์จากนานาชาติมาแล้ว โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระแสของภาพยนตร์ไต้หวันทั้งแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ระทึกขวัญ และแฟนตาซี ต่างก็ได้รับความสนใจจากผู้ชมชาวไทยอย่างมาก ภาพยนตร์ที่เข้าฉายในเทศกาลครั้งนี้ได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถันผ่านสายตาของ วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา นักวิจารณ์ภาพยนตร์อาวุโสและภัณฑารักษ์อิสระ โดยมุ่งเน้นเรื่องที่เป็นตัวแทนสีสันหลากหลายของภาพยนตร์ไต้หวันยุคใหม่ และขยายความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมร่วมสมัยของไต้หวันให้กับผู้ชมชาวไทยผ่านการฉายบนจอยักษ์ นอกจากนี้ยังคาดว่าจะช่วยเพิ่มฐานความนิยมของนักแสดงไต้หวันในประเทศไทยอีกด้วย โดยภาพยนตร์ที่ฉายในเทศกาลนี้ ได้แก่ “Marry My Dead Body”, “GG Precinct”, “Goddamned Asura”, “Who’ll Stop the Rain”, “Suffocating Love”, “18×2 Beyond Youthful Days”, “Old Fox” และ “My Best Friend’s Breakfast”
คำบรรยายรูป: กิจกรรมทอล์กหลังการฉายภาพยนตร์ “Marry My Dead Body” ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากผู้ชม ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เวอร์ชันไทยจากเรื่อง “The Red Envelope” ได้มาเข้าร่วมงานเพื่อพบปะกับผู้ชมด้วย (จากซ้ายไปขวา: ชยนพ บุญประกอบ, จินไป่หลุน, เฉิงเหว่ยหาว, บรรจง ปิสัญธนะกูล)
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา ทางสถาบันฯ TAICCA ได้จัดงานทอล์กพูดคุยหลังการฉายภาพยนตร์เรื่อง “Marry My Dead Body” และซีรีส์ภาคแยก “GG Precinct” โดยได้เชิญผู้กำกับและโปรดิวเซอร์จาก Golden Horse Films มาร่วมพูดคุย พร้อมด้วยนักวิจารณ์ภาพยนตร์ สื่อมวลชน และคนในแวดวงอุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์เข้าร่วมงาน เฉิงเหว่ยหาว ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “Marry My Dead Body” ได้กล่าวในช่วงทอล์กว่า เขาดีใจที่ผลงานของเขาได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมทั่วโลก ขณะที่ จินไป่หลุน โปรดิวเซอร์กล่าวเสริมว่า การได้รับความนิยมในผลงานชิ้นนี้มีความหมายอย่างมากต่อทีมงาน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับความร่วมมืออื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งรวมถึงการรีเมคภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศไทยในชื่อ “The Red Envelope” หรือ “ซองแดงแต่งผี” ภายใต้การดูแลของโปรดิวเซอร์ บรรจง ปิสัญธนะกูล และผู้กำกับ ชยนพ บุญประกอบ ซึ่งทั้งสองท่านได้ให้เกียรติเข้าร่วมงานทอล์กในครั้งนี้ด้วย บรรจง กล่าวว่า ครั้งแรกที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่อง “Marry My Dead Body” เขารู้สึกว่าธีม LGBTQ และองค์ประกอบของความคอมเมดี้ในเรื่องนี้เหมาะสมอย่างมากกับตลาดไทย รวมถึงเห็นภาพนักแสดงในใจ และไอเดียในการนำเสนอองค์ประกอบทางวัฒนธรรมไทยที่สามารถเพิ่มเติมเข้าไปในเรื่องด้วย
(จากซ้ายไปขวา: จินไป่หลุน, เฉิงเหว่ยหาว และผู้กำกับภาพยนตร์เวอร์ชันไทยจากเรื่อง “The Red Envelope” อย่าง ชยนพ บุญประกอบ และโปรดิวเซอร์ บรรจง ปิสัญธนะกูล)
ในช่วงทอล์กหลังการฉายซีรีส์เรื่อง “GG Precinct” ภาคขยายจากภาพยนตร์ “Marry My Dead Body” ในรูปแบบของคอมเมดี้อาชญากรรม ซึ่งเล่าเรื่องเกี่ยวกับตำรวจในสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ผู้กำกับทั้งสอง ยินเจิ้นหาว และเฉิงเหว่ยหาว ได้แสดงความเห็นว่า พวกเขามีจุดแข็งที่แตกต่างกัน โดย ยินเจิ้นหาว จะถนัดในการเล่าเรื่องของตัวละคร ส่วน เฉิงเหว่ยหาว จะเชี่ยวชาญในการสร้างบรรยากาศที่ลึกลับ ทั้งนี้ ทั้งสองต่างมีส่วนช่วยเหลือกันและกันในกระบวนการผลิตและการตัดสินใจ นอกจากนี้ โปรดิวเซอร์ จินไป่หลุน ยังกล่าวเสริมว่า “GG Precinct” ช่วยให้ตัวละครในเรื่องยังคงมีชีวิตชีวา และทำให้ผู้ชมได้รู้จักพวกเขามากขึ้นในเรื่องราวอันต่อเนื่อง โดยผู้กำกับเฉิงให้ข้อสรุปว่า ไม่ว่าจะเป็น “Marry My Dead Body” หรือ “GG Precinct” ทั้งสองเรื่องต่างเกิดจากความกล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ ๆ ของทีมงาน และหวังว่าผู้ชมในต่างประเทศจะได้รู้จักไต้หวันมากขึ้นผ่านเรื่องราวที่มีชีวิตชีวาเหล่านี้
สำหรับงาน TAIWAN MOVIE WEEK ที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกนี้ โปรดิวเซอร์ จินไป่หลุน กล่าวชื่นชมว่า กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้ทีมงานได้นำเสนอผลงานบนจอยักษ์ให้แก่ผู้ชมชาวไทย ขณะที่ผู้กำกับ ยินเจิ้นหาว เสริมว่า ข้อเสนอแนะโดยตรงจากผู้ชมช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์ผลงานยิ่งขึ้น ทางด้าน หลูจุ้นเหว่ย ผู้อำนวยการสถาบันฯ TAICCA ได้เปิดเผยว่า การจัดงาน TAIWAN MOVIE WEEK มีเป้าหมายเพื่อขยายตลาดภาพยนตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเพิ่มความนิยมของผลงานจากไต้หวันผ่านภาพยนตร์ยุคใหม่ที่มีเนื้อหาหลากหลาย รวมถึงแสวงหาโอกาสความร่วมมือและการร่วมทุนในระดับนานาชาติมากขึ้น นอกจากนี้ กุ้ยเย่ฉิน ผู้อำนวยการฝ่ายวัฒนธรรมของสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ยังได้กล่าวว่า เทศกาล TAIWAN MOVIE WEEK ไม่เพียงแต่แสดงถึงพลังในการสร้างสรรค์ของไต้หวันเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสอันดีในการแสดงให้เห็นว่าไต้หวันมีศักยภาพในการเป็นพันธมิตรร่วมทุนทางวัฒนธรรมและการสร้างสรรค์ผลงานระหว่างประเทศกับภาคอุตสาหกรรมของไท