วันที่ 27 สิงหาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า กระทรวง พม. สรุปการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาอุทกภัยทางภาคเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน และเพชรบูรณ์ รวมถึงภาคใต้ ที่จังหวัดภูเก็ต และนครศรีธรรมราช ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทางภาคเหนือนั้น จังหวัดเชียงราย มวลน้ำสามารถระบายลงแม่น้ำโขงได้ พื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัย 7 จังหวัด ภาคเหนือ 5 จังหวัด และภาคใต้ 2 จังหวัด รวม 47 อำเภอ 220 ตำบล 1,426 หมู่บ้าน โดยมีบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ 40,809 ครัวเรือน โดยเฉพาะในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคเหนือ มีพี่น้องกลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบ 16,690 คน ทั้งเด็กเล็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และคนพิการ ซึ่งที่ผ่านมานั้น กระทรวง พม. ได้ลงพื้นที่ร่วมกันกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และหน่วยงานต่างๆ ของทางจังหวัดในพื้นที่ เพื่อสำรวจและให้ความช่วยเหลือ ทั้งนี้ สำหรับช่วงระยะเวลาที่น้ำยังท่วมอยู่ บทบาทของกระทรวง พม. จะทำหน้าที่สนับสนุน ทั้งถุงยังชีพ อาหารปรุงสำเร็จพร้อมรับประทาน เครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งหน้าที่หลักของกระทรวง พม. จะเป็นการเข้าไปฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจ ภายหลังจากน้ำลดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมบ้านเรือน การมอบเงินชดเชยแก่ครอบครัวผู้ยากไร้กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุที่ยังไม่มีผู้ดูแล หรือแม้แต่พี่น้องคนพิการที่จะสามารถได้รับเงินงบประมาณมาแก้ไขปรับปรุงที่พักอาศัยที่ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ ด้านงบประมาณของกระทรวง พม. ทางเราได้จัดเตรียมเงินอุดหนุนผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน เงินสงเคราะห์คนพิการ เงินช่วยเหลือค่าอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เงินสงเคราะห์ครอบครัวอุปถัมภ์ โดยจะมีเงินสนับสนุนในหลายพื้นที่ และจากหลายกองทุน รวมถึงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ซึ่งจะดำเนินการร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการเข้าไปฟื้นฟูเยียวยาพี่น้องที่ประสบอุทกภัยในการให้สามารถกลับมาตั้งตัวใหม่ได้ และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการให้กำลังใจ เรามีนักสหวิชาชีพ นักจิตวิทยา ที่เดินทางเข้าไปให้ความช่วยเหลือด้านการฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจกับผู้ได้รับผลกระทบ
นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ศูนย์ต่างๆ ของกระทรวง พม. ทั้งศูนย์ดูแลเด็กเล็ก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ที่มีอยู่ทั้ง 7 จังหวัดที่ประสบปัญหาอุทกภัย ภาคเหนือ 5 จังหวัด และภาคใต้ 2 จังหวัด เราได้มีการรับพี่น้องกลุ่มเปราะบางเข้ามาดูแลอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อุทกภัย ซึ่งเป็นภัยธรรมชาติ ตนคิดอยู่เสมอว่าสถานการณ์น้ำท่วม น้ำแล้ง และภัยธรรมชาตินั้น จากนี้จะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ครั้งนี้เป็นการเกิดอุทกภัยทั้งภาคเหนือและภาคใต้พร้อมๆกัน สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศนั้น จะกระทบกับวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่งว่าเราต้องรู้จักการปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพี่น้องเปราะบางที่กระทรวง พม. ดูแลอยู่นั้น จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และอยู่คู่กับสถานการณ์นี้ให้ได้ ซึ่งทางกระทรวง พม. พร้อมดูแลพี่น้องประชาชนเต็มกำลังความสามารถที่เราทำได้