กรุงเทพ: ผู้ผลิตสเปรย์และโลชั่นทากันยุง แบรนด์ ซอฟเฟล เผยตัวเลขเป็นผู้นำเบอร์ 1 มียอดขายสูงสุด ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 70% ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สเปรย์และโลชั่นทากันยุง ด้วยนวัตกรรมในการคิดค้นสูตรเฉพาะ โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพและประโยชน์ของผู้ใช้งานเป็นหลัก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใส่ใจต่อผู้บริโภค โดยกลิ่นมาจากธรรมชาติและมีสูตรอ่อนโยน ใช้แล้วไม่ก่อให้เกิดการระคายผิว ทำให้สามารถครองใจผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยมายาวนาน โดยครึ่งปีหลัง 2567 เตรียมรุกตลาดด้วยกลยุทธ์การเข้าร่วมรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนถึงภัยร้ายจากการถูกยุงลายกัด ออกภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ 3 เวอร์ชั่น เพื่อสร้างการรับรู้ให้กลุ่มเป้าหมายตระหนักถึงอันตรายของโรคไข้เลือดออกที่มีสาเหตุจากยุงลาย พร้อมตั้งเป้าปี 2567 เติบโต 15% ในฐานะผู้นำตลาด
คุณเมนาท มีสมมนต์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ประจำประเทศไทย กลุ่มบริษัท เอเนซีส กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตสเปรย์และโลชั่นทากันยุง แบรนด์ซอฟเฟล มายาวนานกว่า 20 ปี เปิดเผยว่า ปัจจุบันซอฟเฟลเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค จนสามารถครองยอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 70% ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทกันยุงในรูปแบบสเปรย์และโลชั่นทากันยุง ประกอบกับภายหลังจากการผ่านพ้นวิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน ซอฟเฟลยังคงเดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมูลค่าการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงในปี 2566 มีมากกว่า 700 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยมีบริษัท ซี.พี.คอนซูเมอร์โพรดักส์ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สเปรย์และโลชั่นทากันยุงให้กับแบรนด์ซอฟเฟลในประเทศไทย จนทำให้มียอดขายติดอันดับ 1 มาอย่างยาวนาน ด้วยความโดดเด่นในเรื่องของนวัตกรรมที่คิดค้นสูตรขึ้นมาจากการคำนึงถึงประสิทธิภาพและประโยชน์ของผู้ใช้งานเป็นหลัก โดยมีให้เลือกทั้งรูปแบบสเปรย์และโลชั่น มีประสิทธิภาพช่วยปกป้องจากยุงร้ายได้ยาวนานถึง 7 ชั่วโมง มีกลิ่นหอมจากธรรมชาติ ซอฟเฟลแบบสเปรย์ มีให้เลือกถึง 3 กลิ่น คือ ฟลอร่า, เฟรช, แนเชอรัล และแบบโลชั่น มีทั้งแบบขวดและแบบซอง ให้เลือก2 กลิ่น คือ ฟลอร่า และ เฟรช ส่งผลให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกกลิ่นได้ตามความชอบของตนเอง อีกทั้งยังมีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคือง
ซึ่งซอฟเฟล ปัจจุบันซอฟเฟลผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบบสเปรย์จะขายดีมากสุดถึง 70% ส่วนอีก 30% เป็นประเภทโลชั่นทากันยุง
ขณะเดียวกันซอฟเฟลมีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น กลุ่มผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว ได้กลับมาใช้ซ้ำเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มตระหนักและเข้าใจถึงผลที่ตามมาจากการแพร่ระบาดของยุงลายที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคไข้เลือดออกซึ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นในทุกๆ ปี ทำให้มีการเพิ่มการใช้งานทั้งสเปรย์และโลชั่นทากันยุงมากขึ้น ทั้งนี้ซอฟเฟลยังมีกลุ่มลูกค้าใหม่ ที่ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์มาก่อน ได้หันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มากขึ้น ทั้งการป้องกันตนเองจากยุงในชีวิตประจำวันและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการปกป้องตนเองจากยุงในโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น การเดินทางท่องเที่ยว อย่างไรก็ดีถ้าให้แบ่งลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของผลิตภัณฑ์ซอฟเฟล จะมีอายุตั้งแต่ 20-45 ปี โดยครอบคลุมไปยังลูกค้า 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มครอบครัวและเด็ก 2.กลุ่มคนทำงาน และ 3.กลุ่มนักเรียนนักศึกษา ผลิตภัณฑ์ซอฟเฟล เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่ตระหนักถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมกับความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการให้ความสำคัญกับการป้องกันและการแพร่ระบาดของยุงลายที่ก่อให้เกิดโรคไข้เลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโรคไข้เลือดออกเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักในครอบครัว และมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในทุกปี ดังนั้นในปี 2567 ซอฟเฟลยังคงเดินหน้าเพื่อวางแนวทางของการเข้าไปทำกลยุทธ์การตลาด เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก รวมถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ได้แก่ การมีส่วนร่วมรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อให้เกิดการตระหนักรับรู้ถึงการแพร่ระบาดของยุงลายสาเหตุของการเกิดไข้เลือดออก ช่วยป้องกันและลดการสูญเสียจากโรคร้ายนี้ โดยที่ผ่านมาซอฟเฟลได้มีโอกาสเข้าร่วมสนับสนุนกิจกรรมการรณรงค์ตามที่ต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2567 ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทากันยุงซอฟเฟล จำนวนมากกว่า 100,000 ชิ้น ให้ได้รับการกระจายเข้าถึงหน่วยสาธารณสุขและประชาชนตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่เป็นไข้เลือดออกได้ใช้ หลังจากที่หายป่วยในช่วงเฝ้าระวังพักรักษาตัวที่บ้าน เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของโรคต่อคนใกล้ชิดและคนในครอบครัว
ไม่เพียงเท่านี้ซอฟเฟลได้ร่วมกับกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบโลชั่นทากันยุงจำนวนกว่า 100,000 ชิ้น นำไปมอบให้กับผู้ประกอบการสถานที่ท่องเที่ยว และยังได้แจกให้กับมัคคุเทศก์ในวันมัคคุเทศก์ไทยจำนวน 500 ชิ้นเพื่อแจกจ่ายให้กับนักท่องเที่ยว เป็นการตอกย้ำให้เหล่าผู้ประกอบการโรงแรมและนักท่องเที่ยวได้ตระหนักถึงภัยร้ายและอันตรายจากไข้เลือดออกที่กำลังระบาดและเพิ่มจำนวนมากขึ้นในทุกๆปีอย่างต่อเนื่อง
สำหรับครึ่งปีหลังซอฟเฟลยังได้วางกลยุทธ์การตลาด 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ 1.ขยายตลาดสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยจัดแคมเปญรณรงค์ประชาสัมพันธ์เรื่องโรคไข้เลือดออกกับคนรุ่นใหม่ จัดกิจกรรมการประกวดสื่อรณรงค์ดิจิตัล กับคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จัดให้มีการประกวดสื่อสร้างสรรค์รณรงค์ป้องกันโรคไข้เลือดออก ค้นหาไอเดียสุดเจ๋งของคนรุ่นใหม่ ช่วยให้คนไทยห่างไกลอันตรายจากไข้เลือดออก โดยมีผลงานของนักศึกษาส่งวิดิโอเข้าประกวดกว่า 140 ผลงาน ชิงทุนการศึกษากว่า 50,000 บาท พร้อมเดินหน้าโร้ดโชว์ประชาสัมพันธ์รณรงค์เรื่องอันตรายของโรคไข้เลือดออกอย่างต่อเนื่องในแหล่งชุมชนและสถาบันการศึกษาอย่างตลอดทั้งปี
” ซึ่งในปีหน้า ปี 2568 บริษัทจะมีการขยายผลการจัดแคมเปญรณรงค์ ฯ ดังกล่าว เข้าไปยังพื้นที่ของมหาวิทยาลัยต่างๆ มากขึ้น ด้วยการเปิดรับสมัครผลงานของนักศึกษาทุกคณะ ทุกมหาวิทยาลัย ไม่ได้ตีกรอบรับผลงานเฉพาะคณะนิเทศศาสตร์ อย่างเดียว”
2.ใช้สื่อการตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยได้ออกภาพยนต์โฆษณาชุดใหม่ จำนวน 3 เวอร์ชั่น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักที่แตกต่างกันโดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มครอบครัวและเด็ก กลุ่มคนทำงาน และกลุ่มนักเรียนนักศึกษา
3.การสร้างความผูกพันกับแบรนด์ซอฟเฟล มีการจัดกิจกรรมทางการตลาดผ่านวิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์ ให้ผู้บริโภคได้เกิดความใกล้ชิดกับแบรนด์ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ นำเสนอผ่านกิจกรรมรูปแบบพิเศษโดยดึงนักแสดงรุ่นใหม่ ร่วมรณรงค์ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกิจกรรมช่วงครึ่งปีหลัง 2567 นี้ ซอฟเฟลจะจัดกิจกรรมเชิงรุกเพื่อออกไปประชาสัมพันธ์ เช่น ในสถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศกับโครงการ English We Like และเดินสายรณรงค์เรื่องไข้เลือดออกตามแหล่งชุมชนต่างๆ ต่อไป
ในปี 2567 ส่วนของผลประกอบการบริษัทตั้งเป้าการเติบโตอยู่ที่ 15% ซึ่งเป้าหมายนี้ ซอฟเฟลอยากให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญในการปกป้องตัวเองจากยุงร้าย และยังรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในกลุ่มตลาดผลิตภัณฑ์ประเภทกันยุงในรูปแบบสเปรย์และโลชั่นทากันยุงนี้อยู่ “ดังนั้นในอนาคตข้างหน้า เรามีความตั้งใจให้ตลาดเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้มาจากผู้บริโภคได้รับรู้ถึงอันตรายจากยุงที่มากขึ้น และปรับพฤติกรรมในการดูแลตัวเองมากขึ้น ซอฟเฟลจะยังคงสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าและเพิ่มการเข้าถึงของสินค้าให้ได้ทั่วถึงทั่วไทยมากยิ่งขึ้น อีกทั้งซอฟเฟลมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ปกป้องผู้บริโภคจากยุง เพราะปัจจุบันผู้บริโภคได้รับรู้ถึงอันตรายที่เกิดจากยุงและมีพฤติกรรมในการหันมาดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น ทางแบรนด์จึงได้มีการวางแผนพัฒนาและเพิ่มรูปแบบสินค้าใหม่ๆ เพื่อป้องกันยุงและตอบโจทย์การใส่ใจดูแลตัวเองของกลุ่มเป้าหมาย และจะมีส่วนช่วยกระตุ้นและเอื้ออำนวยให้ลูกค้าหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันง่ายขึ้นอีกด้วย” คุณเมนาทกล่าว
ส่วนทางด้านการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คุณเมนาท กล่าวเสริมว่า ในปลายปี 2567 บริษัทมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ซอฟเฟลที่เป็นขนาดใหม่ และ กลิ่นใหม่ ประกอบกับการเตรียมออกซอฟเฟล สูตรใหม่ที่เป็นแบบเจาะเฉพาะกลุ่มมากขึ้น รวมทั้งซอฟเฟล ที่เป็นนวัตกรรมอื่นๆ เข้ามาเพิ่มด้วยในปี 2568 ขณะเดียวกัน ทางบริษัทแม่ที่ประเทศสิงค์โปร ก็กำลังพัฒนาเตรียมศึกษาสารสกัดต่างๆ และ Packageing ของซอฟเฟลให้มีส่วนผสมต่อการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในอนาคตเพิ่มขึ้นด้วย
“ ปัจจุบันซอฟเฟล ยังเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทาป้องกันยุง โดยมีฐานการผลิตอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย สำหรับประเทศไทยซอฟเฟลเป็นตลาดที่ใหญ่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รองลงมาคือประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบัน ซอฟเฟล ในประเทศไทยเป็นชื่นชอบของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ฮ่องกง ที่มักซื้อกลับไปฝากญาติพี่น้องเพื่อนฝูงแล้ว ยังมักซื้อซอฟเฟล ไปขายกันเองในประเทศจีนอีกด้วย” คุณเมนาทกล่าว