ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ตั้งเป้ารายได้ปี 2024 กว่า 9,400 ล้าน เดินหน้าเปิด อมารี-โอโซ่-ชามา ทั้งในและต่างประเทศอีก 9 แห่ง ภายในปี 2025

ย้ำวิสัยทัศน์ "The Best Medium-sized Hospitality Management Company in Southeast Asia"

Home / PR NEWS / ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ตั้งเป้ารายได้ปี 2024 กว่า 9,400 ล้าน เดินหน้าเปิด อมารี-โอโซ่-ชามา ทั้งในและต่างประเทศอีก 9 แห่ง ภายในปี 2025

ย้ำวิสัยทัศน์ “The Best Medium-sized Hospitality Management Company in Southeast Asia” มุ่งเดินหน้าตามแผนงาน ขยายโรงแรมและที่พักภายใต้การบริหารมากกว่า 50 แห่งภายในปี 2025 และมุ่งสู่ 70 แห่งภายในปี 2028

กรุงเทพฯ – ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป หนึ่งในบริษัทหลักภายใต้กลุ่มบริษัทอิตัลไทย ที่ดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทชั้นนำของประเทศไทยที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ต เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ และที่พักอาศัยระดับหรู โดยมีแบรนด์ภายใต้การดูแลที่เป็นที่ยอมรับและรู้จักอย่างกว้างขวางในหลากหลายประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค อาทิแบรนด์ อมารี (Amari) โอโซ่ (OZO) ชามา (Shama) และ โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ (Oriental Residence) ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ในการเป็น ‘The Best Medium-sized Hospitality Management Company in Southeast Asia’ บริษัทบริหารจัดการโรงแรมและการบริการขนาดกลางที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีแบรนด์ที่พักครอบคลุมทุกความต้องการในการพักอาศัยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในหลายประเทศ ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักเดินทางทั้งนักธุรกิจและเพื่อการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกเหนือจากแบรนด์ที่พักในเครือแล้ว ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ยังดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมบริการทั้งในด้านสปา และร้านอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ maai spa, Breeze spa, Prego, Amaya, Chom Sindh และ Nila อีกด้วย

นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า ในปี 2024 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 9,463 ล้านบาท โดยแบรนด์ ‘อมารี’ (Amari) และ ‘โอโซ่’ (OZO) เป็นแบรนด์สำคัญในการขับเคลื่อนรายได้ ในขณะที่แบรนด์ ‘ชามา’ (Shama) มีทิศทางการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องจากดีมานด์ในตลาดที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพของ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานกว่า 5 ทศวรรษ ส่งผลให้บริษัทได้ความไว้วางใจจากลูกค้าและคู่ค้าที่มั่นใจและเชื่อในศักยภาพการบริหารจัดการ โดยดำเนินธุรกิจร่วมกันภายใต้สัญญาระยะยาว ทั้งนี้เป้าหมายรายได้ปี 2024 เติบโตขึ้นกว่า 19% เมื่อเทียบกับปีก่อนและ 23% เมื่อเทียบกับปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19

ทั้งนี้ ความเป็น ‘A Tailored Approach to Hospitality ’ หรือคือแนวคิดที่เน้นการทำงานร่วมกันกับคู่ค้าและพันธมิตรขององค์กร โดยใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 5 ทศวรรษ รวมทั้งความเข้าใจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างถ่องแท้ของ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ที่สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจและความคล่องตัวคือจุดแข็งสำคัญขององค์กรที่ใช้ในการพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจให้เติบโตได้อย่างโดดเด่นเช่นนี้

ผลงานของ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 การเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เติบโตอยู่ที่ 29% ซึ่งได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมากขึ้น ทำให้ขณะนี้จีนกลับมาเป็นประเทศที่ทำรายได้อันดับ 1 ของบริษัท นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด ส่วนประเทศไทยยังคงเป็นประเทศอันดับ 2 เนื่องจากแบรนด์ของ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ยังคงได้รับความนิยมในหมู่คนไทยด้วยเช่นกัน ทั้งในส่วนของการเดินทางภายในประเทศ และการพักแบบ staycation ส่วนอันดับที่ 3 คือ รัสเซีย ซึ่งเป็นตลาดสำคัญสำหรับรีสอร์ตในภูเก็ตและพัทยา และยังคงเป็นตลาดหลักสำหรับ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ขณะที่ตลาดอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และอินเดีย มีการเติบโตเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่แข็งแกร่ง และยังคงเป็นตลาดที่บริษัทให้ความสำคัญ

ปัจจุบัน ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป มีโรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ครอบคลุมทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย จีน รวมไปถึง ฮ่องกง บังกลาเทศ และสปป.ลาว และกำลังขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องอีกหลายแห่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยนับจากปีนี้จนถึงปี 2025 มีโครงการที่เตรียมเปิดให้บริการ กว่า 9 แห่ง ในประเทศมาเลเซีย 3 แห่ง จีนและฮ่องกง 2 แห่ง ไทย 2 แห่ง ลาว 1 แห่ง และ ศรีลังกา 1 แห่ง เป็นต้น

โดยในประเทศมาเลเชีย ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เตรียมขยายโรงแรม 3 แห่งใหม่ ได้แก่ โอโซ่ เมดินิ, ชามา เมดินิ และชามา ซัวซานา ยะโฮร์ บาห์รู ซึ่งจะทำให้มีโรงแรมในมาเลเซีย รวมทั้งสิ้น 7 แห่ง ถือเป็นประเทศแรกนอกเหนือจากไทยที่มีแบรนด์ ออนิกซ์ ครบทั้งอมารี โอโซ่ และ ชามา การขยายตัวในมาเลเซียสะท้อนวิสัยทัศน์และการให้ความสำคัญกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป โดยมาเลเซียมีศักยภาพการท่องเที่ยวและชื่อเสียงด้านวัฒนธรรมและธรรมชาติ รวมถึงการจัดประชุมขนาดใหญ่ รองรับตลาด MICE ตอบโจทย์นักเดินทางทั่วโลกที่แสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ และเพื่อธุรกิจ

สำหรับ แบรนด์อมารี ซึ่งเป็นแบรนด์ที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ ในฐานะ แบรนด์โรงแรมระดับ Upper Upscale ที่มุ่งเน้นตลาด ทั้ง City MICE, Urban MICE และรีสอร์ต ที่พร้อมมอบบริการอย่างเต็มรูปแบบ ตอบรับทุกความต้องการของนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว ผ่านรูปแบบบริการที่หลากหลายระดับ Luxury โดยแบรนด์อมารีมีแผนเปิดตัวโรงแรมใหม่ 3 แห่ง ประกอบด้วย

อมารี โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา – เตรียมเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 4 2024 เป็นอาคารสูง 27 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักและห้องสวีท 167 ห้อง พร้อมด้วยห้องอาหารและสปาอันเป็นเอกลักษณ์ โดยจะเปิดให้บริการตลอดทั้งวัน ความน่าสนใจอื่นๆ ได้แก่ สระว่ายน้ำบนชั้นดาดฟ้า บาร์ ศูนย์นันทนาการ และร้านอาหารไทยสุดพิเศษ ซึ่งทั้งหมดมีทิวทัศน์มหาสมุทรและเส้นขอบฟ้าของเมืองที่สวยงามโดดเด่น โรงแรมแห่งนี้ยังมีชั้นผู้บริหารโดยเฉพาะพร้อมสิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรองพิเศษอีกด้วย

อมารี เวียงจันทน์ ประเทศลาว – เตรียมเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 4 2024 ซึ่งเป็นแบรนด์โรงแรมแห่งที่ 2 ของ แบรนด์อมารีในประเทศลาว ต่อจากโรงแรมอมารี วังเวียง อันโด่งดัง ซึ่งจะทำให้ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป มีความโดดเด่นในจุดหมายปลายทางอันน่าหลงใหลแห่งนี้ อมารี เวียงจันทน์ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอันน่าประทับใจมากมาย ประกอบด้วยร้านอาหารแบบ All-day Dining ห้องพักที่ตกแต่งอย่างพิถีพิถัน 248 ห้อง ห้องรับรองพิเศษบนชั้นดาดฟ้า ร้านอาหารพิเศษบนชั้นดาดฟ้า บาร์บนชั้นดาดฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการจัดเลี้ยงบนพื้นที่กว้างขวาง รวมถึงห้องบอลรูมและห้องประชุม ห้องออกกำลังกายล้ำสมัย Breeze Spa สระว่ายน้ำหลัก สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก และโซนสันทนาการสำหรับเด็ก

อมารี เดอะไทด์ บางแสน ประเทศไทย – เตรียมเปิดให้บริการปี 2025 ตั้งอยู่บนฝั่งทางเดินที่คึกคักตรงข้ามกับหาดบางแสนอันมีชื่อ เป็นสถานที่พักผ่อนสบายๆ ในใจกลางเมืองริมทะเลที่แสนผ่อนคลาย ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์เพียงไม่ถึง 90 นาทีจากกรุงเทพฯ และสามารถเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยว ร้านกาแฟ และร้านอาหารท้องถิ่นริมทะเลได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยห้องพัก 7 รูปแบบ จำนวน 154 ห้อง จึงเหมาะสำหรับครอบครัว รวมถึงนักเดินทางธุรกิจที่ต้องเดินทางไปยังนิคมอุตสาหกรรมในละแวกใกล้เคียง หรือการประชุมพิเศษ และงานอีเวนต์ พร้อมด้วยห้องอาหารเปิดให้บริการตลอดทั้งวัน สปาอันเป็นเอกลักษณ์ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส คิดส์คลับ และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย นอกจากนี้ยังมีห้องจัดประชุม 5 ห้อง ที่สามารถรองรับแขกผู้มาเยือนได้สูงสุดถึง 1,000 คน

นอกจากการเปิดตัวโรงแรมและที่พักแห่งใหม่ของแบรนด์ อมารี แล้วยังมีความเคลื่อนไหวสำคัญสำหรับแบรนด์ อมารี ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2024 คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ อมารี กรุงเทพฯ ซึ่งได้ทำการปรับปรุงใหม่และปรับชื่อจาก ‘อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ’ โดยมีเป้าหมายโดยรวมในการเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำของเมือง ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งนักเดินทางเพื่อการพักผ่อน ธุรกิจ และ MICE โดยโรงแรมอมารี กรุงเทพฯ โฉมใหม่ ประกอบด้วยห้องพรีเมียร์และห้องสวีทใหม่ทั้งหมด พร้อมการตกแต่งภายในสไตล์ร่วมสมัย มีการเพิ่มร้านอาหารใหม่ๆ จำนวนมากเพื่อรองรับความต้องการของนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก โดยมีร้านอาหารใหม่ที่น่าสนใจ อาทิ ‘นิลา’ (Nila) และ ‘ชมสินธุ์’ (Chom Sindh) นอกจากนี้ ยังเตรียมต้อนรับ ‘ไหม สปา’ (maai spa) หลังออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวแบรนด์ ‘maai spa’ โดยมีสาขาแรกที่ประเทศไทย ณ อมารี พัทยา ไป เมื่อปี 2023

นอกจากนี้ นายยุทธชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในแต่ละแบรนด์ของ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ต่างมีการเติบโตที่น่าพอใจ โดยนอกเหนือจากแบรนด์ อมารี แล้ว แบรนด์ที่มีความโดดเด่นอย่างมากอีกแบรนด์ภายใต้ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป คือ ‘ชามา’ (Shama) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนที่พักมากกว่า 2,500 ยูนิตจากทั้งหมด 20 แห่ง โดยเฉพาะประเทศไทย ที่มีการเติบโตถึง 200% ภายใน 5 ปี ขณะที่ในฮ่องกง ‘ชามา’ ถือเป็นผู้นำด้านบริการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ระดับนานาชาติอันดับ 1 ในฮ่องกงด้วยจำนวนโรงแรม 7 แห่ง

ปัจจุบัน ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ยังดำเนินการขยายแบรนด์ ชามา เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ อย่างต่อเนื่องตามแนวโน้มความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการมองหาที่พักระยะยาวทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ชามา ซัวซานา มาเลเชีย, ชามา ฮับ เมโทร เซาธ์ ฮ่องกง, ชามา ฮับ เฉียนถัง หางโจว ประเทศจีน

โดยล่าสุดได้ทำพิธีลงนามสัญญาเข้ารับบริหาร ‘ชามา ระยอง’ (Shama Rayong) ที่เตรียมเปิดให้บริการปี 2026 ตั้งอยู่บนทำเลที่สะดวกต่อการเดินทางพร้อมเชื่อมต่อสู่ใจกลางเมืองระยองและนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด รวมถึงยังอยู่ในทำเลที่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมและย่านธุรกิจสำคัญๆ อีกมากมาย อาทิ WHA Rayong 36 และ CPGC นอกจากนี้ยังรายล้อมด้วยโรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง อีกทั้งยังสะดวกในการเดินทางสู่สถานที่ต่างๆ ในระยอง อย่างง่ายดาย ที่พักแห่งนี้มีห้องพักไว้บริการมากกว่า 150 ห้อง ประกอบด้วยห้องสตูดิโอ ห้องนอนแบบ 1-2 ห้องนอน ร้านอาหาร สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และห้องประชุม พร้อมการบริการต้อนรับอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ชามา ที่พร้อมสร้างความประทับใจให้กับทุกคน

สำหรับแบรนด์ ‘โอโซ่’ (OZO) แบรนด์โรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความเรียบง่ายและความสนุกจากการผจญภัยเพื่อเรียนรู้โลกกว้าง ทำเลที่ตั้งอยู่ในใจกลางสิ่งอำนวยความสะดวกที่พร้อมเชื่อมต่อทุกความสนุกและสีสันในการผจญภัย อีกหนึ่งแบรนด์ธง ของ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ล่าสุดเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือน มิถุนายน 2024 ที่กำลังจะถึงนี้ และมีแผนเปิดตัว OZO Medini ที่ประเทศมาเลเซีย ในไตรมาส 2 ในปี2024 นี้ ซึ่งนับเป็น โรงแรมโอโซ่ แห่งที่ 5 จากปัจจุบัน 4 แห่งประกอบด้วย โอโซ่ พัทยา, โอโซ่ ภูเก็ต, โอโซ่ สมุย, โอโซ่ จอร์จทาวน์ ปีนัง

โรงแรมใหม่ๆ และการพัฒนาตามแผนเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เพื่อขับเคลื่อนการขยายธุรกิจที่สำคัญในธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยความพยายามที่จะบรรลุวิสัยทัศน์โดยรวมในการก้าวเป็น ‘The Best Medium-sized Hospitality Management Company in Southeast Asia’ บริษัทกำลังเดินตามแผนการดำเนินงานที่จะมีโรงแรมและที่พักภายใต้การบริหารมากกว่า 50 แห่งภายในปี 2025 และตั้งเป้าหมายให้ได้ 70 แห่งภายในปี 2028

นอกจากการขยายแบรนด์โรงแรมแล้ว ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ได้เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ ด้วยการขยายพอร์ตโฟลิโอไปยังธุรกิจด้านฮอสพิทาลิตี้อื่นๆ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กำลังเดินหน้าไปในทิศทางบวก ล่าสุดเตรียมเปิด ‘เปรโก้’ (Prego) แบรนด์ร้านอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด ที่ครองใจนักชิมและผู้ที่ชื่นชอบรสชาติดั้งเดิมของอาหารอิตาเลียนแท้ๆ มานับตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวในปี 2003 โดยเตรียมเปิดเปรโก้ สาขาใหม่ล่าสุด ณ หาดกะตะ จ.ภูเก็ต ภายปี 2024 นอกเหนือจากแบรนด์ เปรโก้แล้ว เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ได้เปิดตัวแบรนด์ร้านอาหารใหม่ ‘นิลา’ (Nila) ร้านอาหารสไตล์ Coastal Indian Cuisine ซึ่งนับว่ายังหาทานได้ยากในประเทศไทยโดยมีการวางตำแหน่งแบรนด์เพื่อเจาะกลุ่มตลาดอินเดียในประเทศไทย รวมถึงกลุ่มเหล่านักชิมอาหารที่ตามหารสชาติใหม่ๆที่ยังไม่มีมาก่อน นิลา นำเสนอจุดเด่นในด้านการปรุงอาหารโดยได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานในการทำอาหารแต่ละรัฐสำคัญๆที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำของอินเดีย นำทีมสร้างสรรค์อาหารโดยเชฟ Bharath S. Bhat เชฟชาวอินเดียคนแรกที่คว้าชัยชนะจากการแข่งขัน เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย ONE-ON-ONE BATTLE และแบรนด์ร้านอาหาร ‘ชมสินธุ์’ (Chom Sindh) นำเสนอตำรับอาหารที่ได้แรงบันดาลใจจากความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลและแม่น้ำทั่วประเทศไทย พร้อมการบริการและต้อนรับแบบไทยๆ ที่น่าประทับใจ

นอกจากในด้านการดำเนินธุรกิจ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ยังตระหนักถึงการสร้างความยั่งยืน โดยเน้นย้ำแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนในการดำเนินงาน ครอบคลุมแง่มุมต่างๆ เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างคุ้มค่า การอนุรักษ์น้ำ และการจัดการของเสียอย่างรับผิดชอบ สอดคล้องกับกระแสความต้องการตัวเลือกที่ดำเนินธุรกิจแบบคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นของนักเดินทาง ซึ่งจุดนี้จะทำให้ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ได้เปรียบเหนือคู่แข่ง โดยตระหนักถึงความจำเป็นในการลดผลกระทบจากการเดินทางและท่องเที่ยว ไม่เพียงแต่สร้าง ‘ปัจจุบัน’ เท่านั้น แต่ยังมองภาพ ‘อนาคต’ ที่คนรุ่นต่อๆ ไปจะได้รับสิ่งดีๆ จากการเดินทางท่องเที่ยว ด้วยความเชื่อที่ว่าการเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญได้ จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในภูมิทัศน์ด้านความยั่งยืนของอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งเมื่อต้นปี 2024 นี้ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป กลายเป็นบริษัทบริหารจัดการโรงแรมแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ประกาศความมุ่งมั่นระยะยาวในการทำงานร่วมกับองค์การ UNESCO เพื่อความยั่งยืนทางวัฒนธรรม (Cultural Sustainability) นอกเหนือจากการตั้งเป้าหมายเพื่อให้บรรลุถึงความเป็นกลางคาร์บอนแล้ว ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ยังถือเป็นหลักชัยสำคัญในความมุ่งมั่นของ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ในเรื่องความยั่งยืนอีกด้วย

เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.onyx-hospitality.com