ไมนิ่งโปร ผู้นำด้านธุรกิจคริปโตไมนิ่งในประเทศไทย ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2022
รายแรกของไทย การันตีการให้บริการที่ปลอดภัยและมีมาตรฐานสูงสุดในทุกมิติ พร้อมผสานความร่วมมือกับโรงไฟฟ้าเอกชนหนุนการใช้พลังงานทางเลือก-ต่อยอดธุรกิจร่วมกัน
นายจตุรภุช ตรีเพ็ชร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมนิ่งโปร จำกัด กล่าวว่าบริษัทไมนิ่งโปร
ผู้นำด้านธุรกิจคริปโตไมนิ่งในประเทศไทย มีความภาคภูมิใจที่จะประกาศว่าเราได้รับการรับรองมาตรฐาน
ISO/IEC 27001:2022 รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ถือเป็นการยกระดับในการบริหารจัดการความมั่นคงและความปลอดภัยของการดูแลรักษาข้อมูลในอุตสาหกรรมเหมืองขุดคริปโตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเราในการให้บริการที่ปลอดภัยและมีมาตรฐานสูงสุดในทุกมิติ โดยเฉพาะบริการดูแลเครื่องขุดบิตคอยน์และแพลตฟอร์มคราวด์ไมนิ่งของเรา “ด้วยประสบการณ์กว่า 2 ปี ในอุตสาหกรรมคริปโตไมนิ่ง จึงทำให้เราเป็นผู้นำที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการที่ครบวงจรและเป็น Total Solution สำหรับการลงทุนในคริปโตไมนิ่ง โดยนำเข้าเครื่องขุดคริปโตกว่า 10 รุ่น ที่มีผลตอบแทนเป็นสกุลเงินดิจิทัลหลัก เช่น Bitcoin , Litecoin , Dogecoin และบริการซ่อมบำรุงที่ได้มาตรฐานจากบริษัท Bitmain ผู้ผลิตเครื่องขุดคริปโตชั้นนำของประเทศจีน ซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 2,000 เครื่องและให้บริการดูแลเครื่องขุดให้กับนักลงทุนกว่า 1,000 เครื่อง โดยบริหารจัดการผ่านระบบคราวด์ 100% ด้วยมาตรฐานเทียบเท่าศูนย์รักษาข้อมูล (Data Center) ให้ความคุ้มครองทุกเครื่องด้วยประกันภัยจาก บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
นายจตุรภุช กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้มีการนำเข้าเครื่องขุด Bitcoin รุ่น Antminer S21 เครื่องรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัย ที่ให้กำลังขุดเพิ่มเป็น 2 เท่า จำหน่ายในราคา 195,000 บาท ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายไม่น้อยกว่า 500 เครื่องในปีนี้ นอกจากนี้ เรายังมีบริการ Hash Power หรือ เช่ากำลังขุดคริปโตเป็นรายวัน ผ่านระบบคราวด์แพลตฟอร์ม เพื่อให้นักลงทุนที่มีความสนใจในการทำคริปโตไมนิ่ง ได้เห็นภาพก่อนตัดสินใจลงทุนซื้อเครื่องขุด ด้วยราคาเริ่มต้นไม่เกิน 500 บาทต่อวัน โดยรับผลตอบแทนของกำลังขุดเป็นเหรียญ Bitcoin , Litecoin , Dogecoin “ในปีนี้เรายังเดินหน้าเปิดรับความร่วมมือกับโรงไฟฟ้าเอกชนที่มีต้นทุนพลังงานและปริมาณไฟฟ้า ที่เหมาะสมกับการทำคริปโตไมนิ่ง เพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าส่วนที่เหลืออย่างมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลกำไรสูงสุดทั้งสองฝ่ายอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทำการติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์เหมืองขุดคริปโตให้กับโรงไฟฟ้าเอกชนแล้ว 2 แห่ง รองรับเครื่องขุดจำนวน 324 เครื่อง ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดในการทำ เหมืองขุดคริปโต โดยได้ย้ายเครื่องขุดบางส่วนไปอยู่โรงไฟฟ้าที่เป็นพลังงานทางเลือกจากไบโอแมส นอกจากนี้ ยังมีแผนความร่วมมือกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย เพื่อให้บริการกับนักลงทุนที่ต้องการขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้จากการทำคริปโตไมนิ่งอีกด้วย”
นายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด
ในฐานะประธานบริษัท ไมนิ่งโปร จำกัด กล่าวว่า ไมนิ่งโปรเป็นเหมืองขุดคริปโทเคอร์เรนซีที่ถูกกฎหมายและใหญ่ที่สุดในไทยเพียงรายเดียว ในขณะที่เหมืองขุดรายอื่นทยอยปิดตัวลงในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้เรากลายเป็นศูนย์กลางของการทำคริปโตไมนิ่งในประเทศไทยอย่างเต็มตัว โดยเราพร้อมตอบสนองนโยบายของรัฐบาล
ที่ต้องการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลของภูมิภาค ด้วยการเปิด
“ศูนย์เรียนรู้ด้านการทำคริปโตไมนิ่ง” ที่มุ่งเน้นให้ความรู้กับนักลงทุนกลุ่มใหม่ที่มีความสนใจในการทำคริปโตไมนิ่ง
ได้เข้าใจถึงระบบบล็อกเชนและประโยชน์ของคริปโทเคอร์เรนซี พร้อมเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมเหมืองขุดของบริษัทฯ เพื่อสะท้อนภาพการลงทุนในรูปแบบใหม่ที่พร้อมก้าวสู่การเป็น “Crypto Mining Hub” ของภูมิภาคอาเซียน
“ปัจจุบันตลาดคริปโทเคอร์เรนซี มีการฟื้นตัวเข้าสู่รอบกระทิง ภายหลังจากการอนุมัติกองทุน
Spot Bitcoin ETF เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์กระแสหลักของโลก ซึ่งคาดว่าหลังจาก Bitcoin Halving ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายนนี้ จะทำให้ราคา Bitcoin มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดคริปโตค่อนข้างสดใส ประกอบกับการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนและพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการออกมาตรการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ถือเป็นการส่งเสริมให้เกิดการทำธุรกรรมและการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวล้วนส่งผลดีต่อผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและธุรกิจเหมืองขุดคริปโตของไมนิ่งโปรด้วยเช่นกัน”