ฟื้นคืนใต้ตาให้กลับมาสดใส กับ 5 วิธีแก้ถุงใต้ตาทางการแพทย์

ถุงใต้ตา ปัญหาที่สร้างความกวนใจให้กับใครหลายคน แม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากนักแต่ก็ทำให้หลายคนสูญเสียความมั่นใจและส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยรวมของใบหน้า ไม่ว่าจะแก้ด้วยวิธีธรรมชาติยังไงก็ไม่ค่อยจะเห็นผล และถึงจะเห็นผลก็ต้องใช้เวลา ซึ่งถุงใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแต่ละสาเหตุก็ขึ้นอยู่กับประเภทของถุงใต้ตาที่เป็น สำหรับใครที่ลองแก้ถุงใต้ตาด้วยวิธีธรรมชาติแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นผล วันนี้เราได้รวบรวมวิธีแก้ถุงใต้ตาทางการแพทย์มาฝากแล้ว แต่ก่อนจะไปดูว่ามีวิธีไหนบ้าง เราไปดูสาเหตุของการเกิดถุงใต้ตากันก่อนเลย  ถุงใต้ตา เกิดจากอะไร โดยปกติแล้ว ถุงใต้ตาจะแบ่งออกเป็น…

Home / PR NEWS / ฟื้นคืนใต้ตาให้กลับมาสดใส กับ 5 วิธีแก้ถุงใต้ตาทางการแพทย์

ถุงใต้ตา ปัญหาที่สร้างความกวนใจให้กับใครหลายคน แม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากนักแต่ก็ทำให้หลายคนสูญเสียความมั่นใจและส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยรวมของใบหน้า ไม่ว่าจะแก้ด้วยวิธีธรรมชาติยังไงก็ไม่ค่อยจะเห็นผล และถึงจะเห็นผลก็ต้องใช้เวลา ซึ่งถุงใต้ตาเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแต่ละสาเหตุก็ขึ้นอยู่กับประเภทของถุงใต้ตาที่เป็น สำหรับใครที่ลองแก้ถุงใต้ตาด้วยวิธีธรรมชาติแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นผล วันนี้เราได้รวบรวมวิธีแก้ถุงใต้ตาทางการแพทย์มาฝากแล้ว แต่ก่อนจะไปดูว่ามีวิธีไหนบ้าง เราไปดูสาเหตุของการเกิดถุงใต้ตากันก่อนเลย 

ถุงใต้ตา เกิดจากอะไร

โดยปกติแล้ว ถุงใต้ตาจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ถุงใต้ตาแท้ และถุงใต้ตาเทียม ซึ่งถุงใต้ตาแต่ละประเภทนั้นเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนี้

ถุงใต้ตาแท้

ถุงใต้ตาแท้เกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก คือ

  • เกิดจากพันธุกรรม ซึ่งก็คือระบบต่อมไร้ท่อภายในร่างกายทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ของเหลวและไขมันต่างๆ ไหลมากองรวมบริเวณใต้ตามากเกินไป จนทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตาเกิดเป็นถุงก้อน บวมนูน และมีลักษณะเป็นถุงใต้ตาขึ้นมานั่นเอง
  • เกิดจากอายุที่มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังของเราจะเสื่อมสภาพลงเป็นปกติ ส่งผลให้เนื้อเยื่อที่รองรับของเหลวและไขมันบริเวณใต้ตาขาดความตึงกระชับ จนอ่อนตัวและหย่อนคล้อยลง ซึ่งจะหย่อนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น จนกลายเป็นถุงใต้ตาที่ใหญ่และหย่อนคล้อย

ถุงใต้ตาเทียม

ถุงใต้ตาเทียมเกิดจาก 3 สาเหตุหลัก คือ

  • ความผิดปกติของร่างกาย ความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง ทำให้ไขมันและของเหลวไหลต่างๆ รวมตัวและสะสมอยู่ที่บริเวณใต้ตา จนผิวหนังใต้ตามีลักษณะบวมนูนออกมา กลายเป็นถุงใต้ตา
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิตต่างๆ เช่น การติดขยี้ตา ร้องไห้บ่อยๆ และการพักผ่อนไม่เพียงพอ จะส่งผลให้ถุงใต้ตาบวมนูนอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ และการรับประทานอาหารรสจัด โซเดียมสูง ก็มีส่วนทำให้เกิดถุงใต้ตาได้เช่นเดียวกัน
  • อาการแพ้ เช่น การแพ้สารเคมีต่างๆ ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ อักเสบ จนทำให้มีลักษณะบวมนูนบริเวณใต้ตาได้ 

วิธีแก้ถุงใต้ตาในทางการแพทย์

วิธีแก้ถุงใต้ตาทางการแพทย์ที่ให้ผลลัพธ์ ลดอาการบวมและหย่อนคล้อยของถุงใต้ตามีวิธีหลักๆ ดังต่อไปนี้ 

1. การผ่าตัดศัลยกรรมลดถุงใต้ตา

การผ่าตัดศัลยกรรมลดถุงใต้ตา เป็นวิธีการแก้ถุงใต้ตาแท้ที่ให้ผลลัพธ์ที่ถาวรและเห็นผลมากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตาหย่อนคล้อยและบวมนูนมากเป็นพิเศษ และแก้ด้วยวิธีอื่นแล้วแต่ยังไม่เห็นผล โดยแพทย์จะผ่าตัดเอาถุงไขมัน ของเหลว และหนังตาส่วนเกินที่กองอยู่บริเวณใต้ตาออก โดยสามารถตัดออกทั้งหมด หรือตัดออกแค่เฉพาะบางส่วนก็ได้ ขึ้นอยู่กับรูปแบบและเทคนิคของแพทย์ และเมื่อนำส่วนเกินบริเวณถุงใต้ตาออกเรียบร้อยแล้ว แพทย์ถึงจะทำการเย็บปิดแผลต่อไป 

2. การฉีดสารเติมเต็ม (Camouflage Filling)

สำหรับการแก้ถุงใต้ตาวิธีนี้ แพทย์จะทำการฉีดสารเติมเต็มบริเวณรอบๆ ถุงใต้ตา เพื่อให้ใต้ตาดูเต็มอิ่มขึ้น เรียบเนียนขึ้น ถุงใต้ตาจะไม่ดูบวมนูนหย่อนคล้อยเหมือนเดิม ซึ่งการฉีดสารเติมเต็มเพื่อแก้ถุงใต้ตานี้สามารถทำได้ 2 แบบ ดังนี้ 

  • ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นการฉีดสารเติมเต็มกลุ่มไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ที่มีความปลอดภัยสูง แต่ผลลัพธ์จะอยู่ประมาณ 1-2 ปี จากนั้นฟิลเลอร์จะค่อยๆ สลายไปเองและไม่ตกค้างในร่างกาย   
  • ฉีดไขมันใต้ตา หรือที่เรียกกันว่าฉีดไขมันหน้าเด็ก โดยแพทย์จะทำการฉีดไขมันของผู้ที่เข้ารับการรักษาหรือไขมันของเจ้าตัว เข้าไปบริเวณรอบๆ ถุงใต้ตา ซึ่งมีความปลอดภัยสูง เสี่ยงต่อการแพ้น้อย และมีโอกาสที่เซลล์ไขมันจะปลูกถ่ายติดและอยู่ได้ตลอดชีวิต ซึ่งไม่ต้องคอยมาฉีดเพิ่มบ่อยๆ นั่นเอง

3. การดูดไขมัน

การดูดไขมันใต้ตาเป็นอีกวิธีแก้ถุงใต้ตาที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณใต้ตาจนกลายเป็นถุงใต้ตาหนาๆ แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยร่วมด้วย โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดแผลด้านในเปลือกตา และดูดเอาไขมันที่สะสมอยู่บริเวณใต้ตาออก ซึ่งแพทย์ต้องมีความชำนาญเป็นพิเศษ เพราะจำเป็นต้องกะปริมาณไขมันที่ดูดออกอย่างเหมาะสม ไม่งั้นอาจทำให้ใต้ตาลึกโบ๋ได้มากกว่าเดิม 

4. การใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency: RF)

คลื่นความถี่วิทยุ หรือที่เรียกกันว่า RF เป็นเทคโนโลยีการรักษาที่แพทย์นิยมนำมาใช้เพื่อสลายไขมันและเซลลูไลต์ใต้ชั้นผิวหนัง และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ให้ผลลัพธ์ผิวที่ตึงกระชับมากขึ้น ริ้วรอยดูลดเลือนลง และลดการสะสมของไขมัน ซึ่งการแก้ถุงใต้ตาด้วยวิธีนี้จะช่วยลดไขมันที่สะสมบริเวณใต้ตาได้เล็กน้อย และช่วยยกกระชับใต้ตาได้ในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเครื่องคลื่นความถี่วิทยุที่นิยมใช้งานในการแก้ปัญหาถุงใต้ตา เช่น Thermage, Thermage CPT และ Thermage FLX เป็นต้น

5. การใช้คลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound)

การใช้คลื่นอัลตราซาวด์เป็นวิธีแก้ถุงใต้ตาที่คล้ายกับการใช้คลื่นความถี่วิทยุ ซึ่งคลื่นอัลตราซาวด์เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่นิยมกันทั่วโลก สามารถช่วยลดไขมันบริเวณถุงใต้ตาได้บางส่วน ทำให้ผิวที่หดตัวและค่อยๆ กระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นให้ชั้นผิวหนัง SMAS ที่เป็นชั้นผิวหนังที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดยกกระชับตาได้ด้วย ตัวอย่างเครื่องคลื่นอัลตราซาวด์ที่นิยมใช้งาน เช่น Ulthera หรือ HIFU Ultraformer III เป็นต้น

เพราะดวงตานั้นเปรียบเสมือนหน้าต่างของดวงใจ ไม่ว่าใครก็อยากมีดวงตาที่สวยสดใส ปราศจากความหมองคล้ำ ความหยอนคล้อยที่ทำให้ใบหน้าดูโทรม ดูมีอายุ สำหรับที่มีปัญหาถุงใต้ตาบวมนูน หย่อนคล้อย อยากแก้ปัญหาถุงใต้ตา ที่ LOVELY EYE & SKIN BY DR.ROUNGKAW เราเป็นคลินิกศัลยกรรมตกแต่งเสริมความงาม ที่ดูแลโดยจักษุแพทย์มากประสบการณ์ ที่มีความรู้ความเข้าใจและวิธีการรักษาเกี่ยวกับปัญหารอบดวงตาโดยเฉพาะ พร้อมให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาอย่างตรงจุด ช่วยแก้ไขปัญหารอบดวงตาเฉพาะบุคคล เพื่อให้คุณกลับมาเป็นเจ้าของดวงตาที่สวยสดใสอีกครั้ง

ปรึกษาปัญหา | ติดต่อสอบถาม

  • Tel: 02-382-0045, 061-405-0044 
  • Line: @Lovelyeye
  • Facebook: Lovely Eye & Skin Clinic
  • Instagram: Lovelyeyeandskin_by_drroungkaw