ไวน์ เครื่องดื่มที่เรียกได้ว่าต้องใช้ความพิถีพิถันในการดูแลและเก็บรักษา เพราะหากเก็บรักษาผิดวิธีก็อาจส่งผลให้รสชาติและคุณภาพของไวน์เปลี่ยนได้ สิ่งที่คนรักไวน์ควรคำนึงนั่นคือสถานที่การเก็บไวน์ ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนที่ชื่นชอบการดื่มไวน์และชอบซื้อไวน์เก็บจะต้องมีตู้แช่ไวน์กันอยู่แล้ว และตู้แช่ไวน์ที่ดีมีคุณภาพมักจะมีราคาสูง ดังนั้นเราจะพาทุกคนไปดูเคล็ดลับการดูแลตู้แช่ไวน์ เพื่อการใช้งานที่ยาวนานและคุ้มค่ากับการลงทุนกัน แต่ก่อนจะไปดูเคล็ดลับการดูแลตู้แช่ไวน์ เราไปดูอุปสรรคในการเก็บไวน์กันก่อน
อุปสรรคสำคัญที่ส่งผลต่อการเก็บรักษาไวน์
- อุณหภูมิที่ร้อน – เย็นเกินไป และการเปลี่ยนอุณหภูมิที่รวดเร็ว เพราะปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณค่าและรสชาติของไวน์คืออุณหภูมิ ดังนั้นการเก็บไวน์จึงควรอยู่ในพื้นที่มิดชิด มีอุณหภูมิที่เหมาะสมและคงที่
- แสงแดด หากถามว่าปัจจัยอะไรที่ส่งผลต่อการเสียของไวน์มากที่สุด นั่นก็คือแสงแดด ดังนั้นเราจึงมักจะเห็นห้องเก็บไวน์ส่วนใหญ่อยู่ใต้ดินนั่นเอง
- การจัดวาง ไวน์ที่บรรจุในขวดฝาเกลียวกับจุกไม้คอร์กควรมีการจัดวางในการเก็บไวน์ต่างกัน แบบฝาเกลียวเป็นไวน์ที่ผ่านกระบวนการทำให้เป็นสุญญากาศแล้ว สามารถวางได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน แต่แบบจุกไม้คอร์กควรวางแนวเอียง 45 องศา เพื่อให้ไวน์ได้สัมผัสกับจุกไม้คอร์ก และกันไม่ให้อากาศเข้าภายในขวด
- ระยะเวลา หลายคนเข้าใจไวน์ยิ่งเก็บนานยิ่งดี แต่ก็ใช่ว่าการเก็บไวน์นานๆ จะเป็นผลดีเสมอไป เพราะไวน์แต่ละประเภทนั้นมีอายุในการเก็บต่างกัน ขึ้นอยู่กับแหล่งผลิตและสายพันธุ์ขององุ่นด้วย
5 เคล็ดลับดูแลตู้แช่ไวน์เพื่อการใช้งานที่ยาวนานและมีประสิทธิภาพ
1. สำรวจสิ่งสกปรก
ควรดูแลทำความสะอาดตู้แช่ไวน์อยู่เสมออย่างน้อยปีละครั้ง โดยการทำความสะอาดและตรวจเช็กว่ามีสิ่งสกปรก สิ่งแปลกปลอม สัตว์และแมลงขนาดเล็กหลงเข้าไปภายในตู้หรือไม่ รวมถึงการสำรวจรูระบายน้ำภายในตู้ว่ายังสามารถระบายน้ำได้ดีหรือไม่ด้วย เพราะหากรูระบายอุดตัน อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการเก็บไวน์
2. ทำความสะอาดด้านในตู้
สามารถใช้น้ำอุ่นผสมกับน้ำส้มสายชูขาว หรือ sodium bicarbonate แล้วใช้ผ้าขนหนูชุบหมาดๆ เช็ดให้ทั่วผนังตู้ทั้งด้านในและด้านนอก และปล่อยให้แห้งสนิท ที่สำคัญ ควรทำความสะอาดรูระบายน้ำ และคอยล์ควบแน่นไม่ให้เกิดการอุดตัน โดยหยดน้ำยาฆ่าเชื้อผสมน้ำและใช้แปรงทำความสะอาดภายในรู หลีกเลี่ยงการใช้ของมีคมที่ส่งผลต่อพื้นผิวของตู้ จากนั้นนำขวดไวน์เข้าตู้แช่ได้ตามปกติ
3. ดูดฝุ่นด้านนอกตู้
นอกจากความสะอาดภายในตู้แล้ว ภายนอกตู้ก็สำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น คอยล์ควบแน่น คอมเพรสเซอร์ อุปกรณ์ต่อคอมเพรสเซอร์ โดยการใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดตามซอกด้านหลังและข้างล่างตู้ รวมถึงการตรวจเช็กสายไฟ และควรระมัดระวังสายไฟไม่ให้เกิดความเสียหาย ยิ่งถ้าติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟตก – ไฟกระชาก ก็จะช่วยปกป้องบอร์ดของตู้แช่ไวน์ได้
4. ดูแลขอบยางและซีลของตู้แช่ไวน์
ขอบยางและซีลของตู้แช่ไวน์ ควรได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ ขอบยางเปลี่ยนสี และช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากขึ้น โดยการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำสะอาดและทำความสะอาดขอบยางและซีลรอบๆ หลังจากนั้นตรวจเช็กว่าขอบยางและซีลยังอยู่ในสภาพดีและปิดสนิทหรือไม่ เพราะหากขอบยางและซีลของตู่แช่ไวน์เสื่อมสภาพ จะส่งผลต่ออุณหภูมิภายในตู้แช่ไวน์และการเก็บไวน์ได้นั่นเอง
5. ระมัดระวังไม่ให้เกิดเชื้อราในตู้แช่ไวน์
หลายครั้งมักจะพบว่าภายในตู้แช่ไวน์มีเชื้อรา นั่นก็เพราะเชื้อราที่อยู่ภายในอากาศสามารถเล็ดลอดเข้าไปในตู้แช่ได้ง่ายมากๆ แถมยังเติบโตได้ดีในสภาวะที่มีความชื้นและมืด ซึ่งเป็นสภาวะเดียวกับตู้แช่ไวน์ ดังนั้นหากพบเชื้อราในตู้แช่ไวน์ ให้ใช้น้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชูในอัตราส่วน 50/50 และเช็ดทำความสะอาดให้ทั่วทั้งตู้ ร่วมถึงขวดไวน์ เพราะละอองสปอร์มักจะติดอยู่ตามขวดไวน์ด้วย จากนั้นปล่อยให้แห้งและเช็ดด้วย sodium bicarbonate อีกครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้น
เพราะการเก็บไวน์ ให้คงคุณค่าและรสชาติที่ดีเยี่ยมอยู่เสมอ สิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญและลงทุนลงแรงนั่นคือตู้แช่ไวน์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าไวน์ทุกขวดจะเหมาะกับการแช่ในตู้ และเก็บรักษาในอุณหภูมิเดียวกัน เช่น ไวน์แดงควรเก็บในอุณหภูมิระหว่าง 5-18 ํC ไวน์ขาวควรเก็บในอุณหภูมิระหว่าง 8-12 ํC และสปาร์กลิงไวน์ (Sparkling Wine) ควรเก็บในอุณหภูมิระหว่าง 6-8 ํC เป็นต้น สำหรับใครที่หลงรักการดื่มไวน์ แต่ไม่มีพื้นที่ ไม่มีอุปกรณ์ในการเก็บไวน์ เลือกบริการฝากไวน์ไว้ที่ i-Store เรามีห้องเก็บรักษาไวน์ที่สะอาดและตรงตามมาตรฐานของการเก็บรักษาไวน์ มีระบบการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ระบบกล้อง CCTV ภายในอาคารและภายในห้องไวน์ มีระบบควบคุมการเข้าออกด้วยคีย์การ์ด หากลูกค้ามีความต้องการจะดื่มไวน์ก็สามารถเข้าออกได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สนใจใช้บริการกับ i-Store ใกล้คุณ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
- Line : @i-store
- สาขาสีลม – โทร. 062-595-3393
- สาขาสุขุมวิท 24 – โทร. 02-060-2293, 092-525-8293
- สาขาสุขุมวิท 71 – โทร. 06-5986-2933
- สาขา SathornOne – โทร. 02-002-6293, 098-822-8293
- สาขาหัวลำโพง (เร็วๆ นี้) – โทร. 02-060-2293, 092-525-8293