นาฬิกา Rolex Submariner ถูกผลิตและจำหน่ายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1953 ผ่านช่วงกาลเวลานับกว่า 70 ปี จากจุดเริ่มต้นของความวินเทจสู่ความโมเดิร์นในยุคปัจจุบัน นาฬิกา Rolex Submariner ถูกผลิตและจำหน่ายมาแล้วกว่า 25 โมเดล วันนี้เราจะพาทุกคนย้อนรอยดีไซน์และการปรับโฉมของนาฬิกา Rolex Submariner ไปกับ Rolex Submariner รุ่นยอดฮิต ที่ไม่ว่าใครจะเป็นแฟน Rolex หรือนักสะสมนาฬิกา ต่างก็ต้องรู้จักอย่างแน่นอน
Rolex Submariner 6200 โมเดลเริ่มต้นแห่งตำนาน Submariner
มากันที่รุ่นแรกหรือที่เรียกกันว่ารุ่นแห่งตำนาน เพราะเป็นรุ่นของจุดกำเนิดคอลเลกชัน Rolex Submariner นั่นเอง โดยนาฬิกา Rolex Submariner 6200 รุ่นนี้ ถูกผลิตครั้งแรกเมื่อปี 1953 และมีเพียง 300 เรือนเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นนาฬิการุ่นนี้ก็ยังไม่ถูกบันทึกลงในคอลเลกชัน Rolex Submariner เลยทันที จนกระทั่งปี 1954 ที่ Rolex Submariner 6204 ออกวางขาย ทางบริษัท Rolex จึงได้เพิ่มรุ่น Rolex Submariner 6200 ลงในคอลเลกชันด้วย ซึ่งหน้าปัดรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นโมเดลต้นแบบในรุ่นต่อไป ตัวเลขบอกเวลาในตำแหน่ง 3, 6 และ 9 นาฬิกา ส่วนตำแหน่ง 12 นาฬิกาจะใช้เป็นสัญลักษณ์สามเหลี่ยมหัวกลับ ส่วนตำแหน่งบอกเวลาอื่นจะเป็นเพียงแท่งสี่เหลี่ยม ดังนั้นนาฬิกา Rolex Submariner 6200 รุ่นนี้จึงมีราคาสูงถึง 3,000,000 – 6,000,000 บาท เลยทีเดียว
Rolex Submariner 6204 รุ่นเปิดตัวขายอย่างเป็นทางการ
มาต่อกันที่รุ่นเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Rolex Submariner อย่างที่เราบอกไปแล้วว่าแรกเริ่ม รุ่น 6200 ยังไม่ถูกบันทึกลงในคอลเลกชัน รุ่น 6204 จึงกลายเป็นรุ่นเปิดตัวนาฬิกา Rolex Submariner อย่างเป็นทางการนั่นเอง โดยรุ่นนี้บนหน้าปัดจะมีสลักชื่อ Rolex และ Submariner สีทองอยู่ตรงตำแหน่งข้างล่าง 12 นาฬิกา ตำแหน่งบอกเวลาเคลือบด้วยสีทองและพรายน้ำ เม็ดมะยมมีขนาดเล็กกว่ารุ่นก่อนหน้า และเข็มบอกเวลาเป็นรูปดินสอ ซึ่งราคาของรุ่นนี้จะอยู่ที่ประมาณ 600,000 – 900,000 บาท
Rolex Submariner 6538 Bond Submariner
นาฬิกา Rolex Submariner 6538 รุ่นนี้เป็นตำนานที่ทำให้ Rolex Submariner กลายเป็นที่พูดถึงและโด่งดังขึ้นมาแบบฉุดไม่อยู่ เพราะว่า Sean Connery ได้ใส่เข้าฉากในหนังเรื่อง James Bond 007 จนกลายเป็นชื่อที่เรียกกันว่า “Bond Submariner” ซึ่งรุ่นนี้จุดเด่นคือเม็ดมะยมที่มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนมากๆ จนได้ฉายา Big Crown และมีสัญลักษณ์ Mercedes บนเข็ม หน้าปัดสีดำสุดคลาสสิกตัดกับตำแหน่งบอกเวลาสีทองเคลือบพรายน้ำ ตัวเรือนแบบ Oyster Case ไขน็อตระหว่างเม็ดมะยมเข้ากับตัวเรือนอย่างแน่นหนา ทำให้นาฬิกา Rolex Submariner 6538 รุ่นนี้ กันน้ำได้ถึง 300 เมตร หรือ 1,000 ฟุต ซึ่งราคาของรุ่นนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2,700,000 – 3,600,000 บาท
Rolex Submariner 5513 วิวัฒนาการอย่างไม่หยุดนิ่ง
นาฬิกา Rolex Submariner 5513 เป็นรุ่นแรกที่เปลี่ยน Ref. มาใช้เลขขึ้นต้นเป็นเลข 5 และจำหน่ายในปี 1962 โดยรุ่นนี้จะเพิ่ม Crown Guard ที่ด้านข้างเพื่อล็อกและป้องกันเม็ดมะยมจากการหมุนและกระแทก ซึ่งหน้าปัดจะเป็นแบบ Gilt Gloss Dial จนในปี 1966 จึงเปลี่ยนมาเป็นแบบ Matte Dial ซึ่งเป็นดีไซน์ยอดนิยมในบรรดารุ่น Rolex Submariner 5513 เลยก็ว่าได้ โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 225,000 – 480,000 บาท
Rolex Submariner 1680 กับฟังก์ชัน Date-displaying เป็นตัวแรก
สำหรับรุ่น Rolex Submariner 1680 ถือเป็นรุ่นส่งท้ายความเป็นวินเทจของคอลเลกชัน Submariner เปิดตัวในปี 1969 เป็นรุ่นที่มีฟังก์ชัน Date-displaying แสดงตัวเลขวันที่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกา ที่มาพร้อมกับ Cyclops lens หรือเลนส์ขยายที่เชื่อมติดกับกระจกหน้าปัดชนิด Sapphire Crysta ทำให้เห็นตัวเลขขยายชัดเจน ตัวหนังสือ Rolex และ Submariner ถูกปรับให้บางลง โดยคำว่า Submariner จะถูกดีไซน์ให้เป็นตัวหนังสือสีแดง แต่ภายหลังในปี 1973 ตัวหนังสือถูกเปลี่ยนให้เป็นสีขาวทั้งหมด ซึ่งนาฬิกา Rolex Submariner รุ่นนี้มีราคาประมาณ 210,000 – 600,000 บาท แต่แอบกระซิบก่อนว่ารุ่น Submariner ตัวหนังสือสีแดงนั้นจะมีราคาสูงเป็นพิเศษ
Rolex Submariner 16610 และ Rolex Submariner 14060 โมเดลเริ่มต้นสู่ยุคใหม่
นาฬิกา Rolex Submariner 16610 และ Rolex Submariner 14060 ถือเป็นโมเดลที่นำคอลเลกชัน Submariner เข้าสู่ยุคโมเดิร์น โดยรุ่น 16610 ถูกผลิตออกมาในปี 1988 ดีไซน์หน้าปัดสีดำสนิท ตัวเรือนทำจาก Stainless Steel และมีสลักตัวเลข Serial Number และชื่อแบรนด์ Rolex ไว้บนกรอบหน้าปัดด้านใน ซึ่งรุ่น 16610 จะใช้ Movement เป็น Rolex’s calibre 3135 ซึ่งเป็น Movement ที่ถูกใช้มาจนถึงปัจจุบัน และยังคงมีฟังก์ชัน Date-displaying อยู่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาเหมือนเดิม ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 150,000 – 255,000 บาท
สำหรับรุ่น 14060 นั้นถูกผลิตและวางขายในปี 1990 ซึ่งรุ่นนี้จะไม่มีฟังก์ชัน Date-displaying หน้าปัดตัวเรือนเป็น Sapphire Crystal เม็ดมะยมเป็น Triplock Crown กันน้ำได้ 300 เมตร ดีไซน์ภายนอกย้อนให้นึกถึงนาฬิกา Rolex Submariner วินเทจรุ่นก่อนๆ โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ 135,000 – 195,000 บาท
Rolex Submariner 116610LN และ Rolex Submariner 114060 ที่มาพร้อมกับความคลาสสิก
มาเข้าสู่ยุคปัจจุบันกับนาฬิกา Rolex Submariner 116610LN และ Rolex Submariner 114060 ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ถูกอัปเกรดขอบหน้าปัดให้เป็น Ceramic ตำแหน่งหลักชั่วโมงใหญ่ขึ้น พรายน้ำจากสีเขียวถูกเปลี่ยนมาใช้เป็นสีฟ้า และที่สำคัญมีการเพิ่มเลข 1 เข้ามาที่ข้างหน้า Serial Number โดยรุ่น 116610LN นั้นผลิตในปี 2010 ขอบหน้าปัด Cerachrom สีดำสุดคลาสสิก มาพร้อมกับฟังก์ชัน Date-displaying อยู่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ราคาอยู่ที่ประมาณ 306,000 บาท
ส่วนนาฬิกา Rolex Submariner 114060 รุ่นนี้ผลิตขึ้นในปี 2012 จะไม่มีฟังก์ชัน Date-displaying ดีไซน์ภายนอกคล้ายกับรุ่น Rolex Submariner 14060 แต่ถูกพัฒนาและเพิ่มความแข็งแรงทนทานด้วยหน้าปัดชนิดเซรามิก (Ceramic Bezel) และตำแหน่งบอกหลักชั่วโมงทำจากทองคำขาว 18 ct. ราคาอยู่ที่ประมาณ 195,000 – 240,000 บาท
Rolex Submariner 16610LV และ Rolex Submariner 116610LV ที่มาพร้อมกับความโมเดิร์น
มาต่อกันที่นาฬิกา Rolex Submariner 16610LV และ Rolex Submariner 116610LV รุ่นที่มาพร้อมกับความโมเดิร์นที่ไม่ว่าใครต่างก็อยากจับจองเป็นเจ้าของ เพราะถือเป็นการเปลี่ยนโฉมคอลเลกชัน Submariner ออกมาได้อย่างสวยงามและลงตัว โดยรุ่น 16610LV นี้ถูกเปิดตัวในปี 2003 ดีไซน์หน้าปัดสีดำสนิทตัดกับขอบหน้าปัดสีเขียวสดใส มาพร้อมกับฟังก์ชัน Date-displaying ตัวเรือนและสายนาฬิกาทำจากวัสดุ stainless steel 904L โดยเหล่าแฟนคลับ Rolex จะเรียกรุ่นนี้ว่า “Kermit” ซึ่งราคาจะอยูที่ประมาณ 370,000 – 390,000 บาท
สำหรับนาฬิกา Rolex Submariner 116610LV นี้เป็นรุ่นที่ขึ้นมาแทนที่รุ่น “Kermit” เปิดตัวในปี 2010 นับเป็นนาฬิกา Rolex Submariner ที่เหล่าเซียนนาฬิกาต่างจับตามองอย่างมาก และถูกเรียกกันว่า “The Hulk” และยังคงมาพร้อมฟังก์ชัน Date-displaying เช่นเดิม ดีไซน์หน้าปัดสีเขียวเงาวาวเช่นเดียวกับสีขอบหน้าปัด ตำแหน่งหลักชั่วโมงทำจากทองคำขาว 18 ct. มีราคาอยู่ที่ประมาณ 255,000 – 390,000 บาท
จากความวินเทจมาสู่ความโมเดิร์น Rolex Submariner Watch ก็ยังคงเป็นนาฬิกาที่เหล่าแฟนๆ และนักสะสมนาฬิกาต่างให้ความสนใจ และในปัจจุบัน การเติบโตทั้งด้านดีไซน์และคุณภาพของนาฬิกา Rolex Submariner ก็ยังคงถูกจับจ้องและรอคอยจากบรรดาสาวกคอลเลกชัน Submariner อย่างต่อเนื่อง ใครที่สนใจอยากเป็นเจ้าของเรือนเวลาสุดวิเศษที่อยู่เหนือกาลเวลาอย่าง Rolex Submarine สามารถเข้าไปเลือกสรรได้ที่เว็บไซต์ Pendulum เพนดูลัม ตัวแทนจำหน่ายโรเล็กซ์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย