เคยไหม หลังจากทาสีบ้านใหม่ไปหมาดๆ ผ่านไปไม่นานทำไมสีถึงได้ลอกล่อน? หรือเวลามองขึ้นไปบนฝ้าเพดานและสีดูไม่เรียบเนียน เป็นริ้วคลื่น เพราะปัญหาเหล่านี้อาจเกิดจากการที่ใช้สีทาฝ้าเพดานและสีทาบ้านทั่วไปผิดประเภทนั่นเอง และแม้ว่าสีทาฝ้าหรือสีทาเพดานจะสามารถใช้แทนกันได้ในบางกรณี แต่สีทั้งสองประเภทก็มีความแตกต่างกันชัดเจนอยู่หลายด้าน และปัญหาที่ส่งผลตามมาคือสีทาฝ้าไม่คงทนและสีทาบ้านก็หลุดล่อนเร็ว วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสีทั้งสองประเภทกันว่ามีความแตกต่างและการใช้งานอย่างไรบ้าง
เรื่องของสีทาฝ้าเพดานที่ต้องรู้
สีทาฝ้าเพดาน (Ceiling Paint) คือสีที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานสำหรับทาฝ้าหรือเพดานประเภทต่างๆ เช่น ฝ้าแบบแขวน ฝ้าเพดานแบบฉาบเรียบ ฝ้าแบบไม้ หรือฝ้าแบบโลหะ ความจริงแล้วสีประเภทนี้จะคล้ายกับสีทาบ้านแบบทั่วไป แต่ฟิล์มของสีทาฝ้าจะมีความด้านพิเศษมากกว่าสีทาบ้านทั่วไป ซึ่งมีประโยชน์ในด้านการช่วยลดการสะท้อนของแสง อย่างแสงจากหลอดไฟต่างๆ บนเพดาน ทำให้เมื่อมองขึ้นไปบนเพดาน จะรู้สึกถึงพื้นผิวที่ราบเรียบ ไม่เป็นรอยคลื่น รวมถึงยังสามารถปดปิดรอยต่อของฝ้าและเพดานได้ดีด้วยนั่นเอง และในปัจจุบันสีทาฝ้าจะมีอยู่ประเภทเดียวคือสีทาฝ้าชนิดน้ำอะคริลิก เหมาะกับการใช้งานฝ้าเพดานพื้นผิวปูนแบบเรียบ หรือแผ่นยิปซัม สำหรับพื้นผิวอื่นๆ อย่างฝ้าแขวน ฝ้าไม้ หรือฝ้าโลหะ นั้นสามารถใช้สีประเภทอื่นๆ แทนได้ ไม่ว่าจะเป็น สีย้อมไม้ สีทาไฟเบอร์ซีเมนต์ หรือสีทาเหล็ก นั่นเอง
เรื่องของสีทาบ้านทั่วไป งานดีเพราะเลือกใช้งานถูกประเภท
สำหรับสีทาบ้านทั่วไปเป็นสีที่ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานบนผนังหรือพื้นผิวได้หลากหลาย โดยสีทาบ้านทั่วไปส่วนใหญ่จะมี 3 ชนิด ได้แก่ สีทาบ้านภายนอก สีทาบ้านภายใน และสีทารองพื้น ซึ่งแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะเนื้อฟิล์มและสีแต่ละประเภท เช่น คุณสมบัติทนทานต่อสภาวะอากาศ ทำความสะอาดง่าย ทนความร้อนและการหลุดล่อน กันความชื้นและลดเชื้อรา เป็นต้น
เช็กก่อน! สีทาฝ้าเพดานและสีทาบ้านทั่วไป ใช้แทนกันแน่หรือ?
- การใช้สีทาบ้านทั่วไปแทนสีทาฝ้า
สำหรับกรณีแรก การนำสีทาบ้านแบบทั่วไปแทนสีทาฝ้า ต้องบอกก่อนว่า คุณสมบัติของสีทาบ้านนั้นไม่ว่าจะภายในหรือภายนอก ล้วนต้องมีคุณสมบัติในการยึดเกาะและความคงทน หากจะเลือกใช้งานทาสี อย่างเช่นการทาฝ้า ก็สามารถทำได้ แต่คุณสมบัติของสีทาฝ้าคือช่วยลดการสะท้อนของแสง ดังนั้นหากจะนำสีทาบ้านทั่วไปมาใช้ ควรเลือกเนื้อฟิล์มที่มีลักษณะด้าน หรือกึ่งเงา เพราะคุณสมับติร่วมของเนื้อฟิล์มประเภทนี้จะช่วยลดการสะท้อนของแสงได้ และข้อเสียหลักของการนำมาใช้งานกับฝ้าคือพื้นผิวเพดานจะดูไม่เรียบเนียน สามารถเห็นเป็นรอยคลื่นริ้วได้ ทำให้หลายๆ ครั้งเกิดการฟ้องงานเนื่องจากใช้งานสีผิดประเภทนั่นเอง
- การใช้สีทาฝ้าแทนสีทาบ้านทั่วไป
คุณสมบัติที่โดดเด่นของสีทาฝ้าเพดานก็คือช่วยลดการสะท้อนแสง ทำให้เนื้อฟิล์มของสีทาฝ้ามีความด้านเป็นพิเศษ ดังนั้นหากนำมาใช้ทาผนังบ้านก็จะเหมาะกับงานผนังภายใน แต่หากนำไปใช้งานภายนอกที่พื้นผิวผนังต้องเจอกับสภาพแวดล้อมและสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ก็อาจทำให้เนื้อสีไม่คงทนและหลุดล่อนออกได้ง่าย แถมอายุของสีและเนื้อฟิล์มสั้นกว่าปกตินั่นเอง และด้วยความที่เนื้อฟิล์มของสีทาฝ้ามีความด้านที่สูงกว่าสีทาบ้านแบบทั่วไป อาจทำให้สไตล์และพื้นผิวที่ทาออกมา ไม่ไปในโทนหรือทิศทางเดียวกันด้วยเช่นกัน
เพราะปัญหาเรื่องสีทาบ้านและสีทาฝ้าหลุดล่อนเร็ว สีไม่คงทน เป็นปัญหาที่คนมีบ้านหลายคนต้องเคยประสบพบเจอ ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ การใช้สีไม่ตรงกับประเภทก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่หลายคนมองข้าม เช่นเดียวกับสีทาฝ้าเพดานและสีทาผนังบ้าน เพื่อให้สีบ้านและสีฝ้าของบ้านคุณคงทน มีอายุการใช้งานที่ยืนยาว แนะนำว่าให้เลือกใช้สีให้ถูกประเภทการใช้งานและมีคุณภาพสูง อย่างผลิตภัณฑ์สีทาบ้าน TOA สีทาฝ้าเพดานคุณภาพสูง ที่นอกจากจะมีสีทาฝ้าและสีทาบ้านที่มีคุณสมบัติครอบคลุมแล้ว ที่เว็บไซต์ TOA ยังมีเคล็ดลับและเทคนิคเกี่ยวกับเรื่องบ้านๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดลับการทาสี หรืองาน DIY ต่างๆ เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาไอเดียตกแต่งและการดูแลบ้านยุคใหม่ ทุกการออกแบบ ทุกสีสัน และทุกสไตล์