8 วิธีเตรียมความพร้อม สำหรับแม่ค้าออนไลน์มือใหม่

ในปัจจุบันธุรกิจขายของออนไลน์กำลังมาแรงจนฉุดไม่อยู่ หันไปมองทางไหนก็เจอแต่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เต็มไปหมด แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่อยากกระโดดเข้าสู่โลกการแข่งขันนี้ เพราะหากเริ่มต้นและบริหารจัดการได้ดี ก็จะเป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่มรายได้ได้ไม่น้อยเลย ใครที่มีความคิดอยากเริ่มต้นขายของออนไลน์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีเตรียมความพร้อมที่ควรรู้สำหรับแม่ค้ามือใหม่ เตรียมพร้อมยังไงให้ยอดขายปัง ทำธุรกิจให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน 1. ให้ความสำคัญกับการตั้งชื่อร้าน ถ้าอยากสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์  การตั้งชื่อแบรนด์ธุรกิจเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างเอกลักษณ์ของธุรกิจและสร้างโอกาสให้ร้านค้าเป็นที่จดจำ เพราะชื่อร้านมักเป็นสิ่งแรกๆ…

Home / PR NEWS / 8 วิธีเตรียมความพร้อม สำหรับแม่ค้าออนไลน์มือใหม่

ในปัจจุบันธุรกิจขายของออนไลน์กำลังมาแรงจนฉุดไม่อยู่ หันไปมองทางไหนก็เจอแต่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เต็มไปหมด แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่อยากกระโดดเข้าสู่โลกการแข่งขันนี้ เพราะหากเริ่มต้นและบริหารจัดการได้ดี ก็จะเป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่มรายได้ได้ไม่น้อยเลย ใครที่มีความคิดอยากเริ่มต้นขายของออนไลน์ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีเตรียมความพร้อมที่ควรรู้สำหรับแม่ค้ามือใหม่ เตรียมพร้อมยังไงให้ยอดขายปัง ทำธุรกิจให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน

1. ให้ความสำคัญกับการตั้งชื่อร้าน ถ้าอยากสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์ 

การตั้งชื่อแบรนด์ธุรกิจเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างเอกลักษณ์ของธุรกิจและสร้างโอกาสให้ร้านค้าเป็นที่จดจำ เพราะชื่อร้านมักเป็นสิ่งแรกๆ ที่คนพบเห็น และเป็นความประทับใจแรกที่มีต่อร้านค้าอีกด้วย ท่ามกลางความดุเดือดของวงการขายของออนไลน์นั้น หากมีชื่อธุรกิจที่ดี สร้างสรรค์ และจดจำง่าย จะช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นขึ้น และกลายเป็นที่จดจำของลูกค้าได้ ปัจจัยเหล่านี้สามารถนำไปสู่การจดจำแบรนด์ สร้างเอกลักษณ์ให้กับสินค้า และมีโอกาสทำให้ลูกค้าขาจรกลายเป็นลูกค้าประจำได้เมื่อเวลาผ่านไป

2. เลือกสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาด

การเลือกสินค้าที่จะขาย ควรเริ่มจากสิ่งที่สนใจ และมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งนั้นอยู่แล้ว โดยอาจเริ่มต้นจากสิ่งที่ชอบ เพราะการเลือกสินค้าจากสิ่งที่ชอบจะทำให้คุณมีความสุขกับการขาย สนุกที่จะศึกษา พัฒนา และขายสินค้าชิ้นนั้น จนทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้ทำงานอยู่ แต่หากไม่ได้ชอบสิ่งของหรือมีความสนใจด้านใดเป็นพิเศษ ลองเลือกสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยม โดยการสำรวจตลาดว่าสินค้าอะไรกำลังได้รับความสนใจและสามารถทำกำไรให้กับเราได้ เช่น ช่วงที่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่เปิดตัว อาจเริ่มจากขายเคสมือถือ เป็นต้น 

3. สำรวจตลาด ศึกษากลยุทธ์และคู่แข่ง

ศึกษากลุ่มเป้าหมาย พฤติกรรมการซื้อ ความชอบ จำนวนความต้องการของสินค้า รวมถึงศึกษาคู่แข่งทางตลาด ว่าร้านเหล่านั้นมีกลยุทธ์ วิธีการขายอย่างไร และยังสามารถนำมาปรับใช้กับร้านตัวเองได้ด้วยเช่นกัน เพราะการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคู่แข่งในตลาดนั้นทำให้เราเรียนรู้ที่จะปรับปรุง พัฒนา และต่อยอดสิ่งที่ดีกว่า รวมถึงสามารถสร้างเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับแบรนด์ของตัวเองได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังทำให้แบรนด์มีการอัปเดตและปรับตัวอยู่เสมอ ตามกระแสของความนิยมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน

4. ทำการตลาดออนไลน์

การดึงเอาจุดเด่นของสินค้ามาโปรโมท และทำแผนการโปรโมทร้านค้า จะช่วยให้สินค้าเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น คนสามารถเข้าถึงสินค้าร้านคุณได้ง่าย และเพิ่มยอดขายได้อย่างรวดเร็ว หากสินค้าที่ขายมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง มีคุณภาพดี และราคาไม่แพงจนเกินไป ก็ทำให้มีโอกาสที่ได้ลูกค้าประจำด้วย

5. ช่องทางการขายสินค้า

พ่อค้าแม่ค้าหลายคนมักจะคุ้นเคยกับการขายแบบมีหน้าร้าน ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ อุปกรณ์ และพิจารณาทำเลร้านค้าด้วย เช่นเดียวกันกับการขายของออนไลน์ แม้ว่าจะไม่มีหน้าร้าน แต่การเลือกช่องทางการขาย เช่น แอปพลิเคชันสำหรับลงขายของออนไลน์โดยเฉพาะ หรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน เพียงมีสโตร์เก็บของ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับส่งสินค้าเท่านั้น การเลือกช่องทางที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและความสะดวกของตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

6. ช่องทางการจัดส่ง

การเลือกระบบขนส่ง ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญสำหรับการขายของออนไลน์ การเลือกระบบขนส่งที่มีราคาไม่แพง จะช่วยลดต้นทุนให้กับร้าน ง่ายต่อการเช็คพัสดุเวลาขนส่งและยังช่วยประหยัดเวลาด้วย และในกรณีมีการจัดส่งสินค้าออกต่างประเทศ ร้านค้าควรเตรียมช่องทางการจัดส่งไว้ให้พร้อม เพราะเมื่อถึงเวลาจริงจะได้ไม่ติดขัด

7. ช่องทางการชำระเงิน

ร้านค้าควรมีทางเลือกการชำระเงินที่หลากหลายและสะดวกที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้ารู้สึกว่าการซื้อของออนไลน์จากร้านคุณนั้นเป็นเรื่องที่สะดวกและมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก สามารถเลือกชำระเงินได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการตัดผ่านบัตรเครดิต/เดบิต โอนจ่ายผ่าน Mobile Banking เก็บเงินปลายทาง หรือจ่ายที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส รวมถึงในกรณีลูกค้าชำระเงินจากต่างประเทศ สามารถใช้ช่องทางการชำระเงินอย่าง PayPal ได้ โดยทางร้านควรแจ้งค่าธรรมเนียมกับลูกค้าให้ชัดเจนก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลัง

8. สโตร์เก็บของ

สำหรับใครที่มีพื้นน้อย และออร์เดอร์เยอะจนพื้นที่เก็บของไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีพื้นที่สำหรับสต็อกสินค้า การเช่าพื้นที่เก็บของก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ร้านค้าออนไลน์นิยมใช้กันเป็นจำนวนมาก เพราะนอกจากจะประหยัดพื้นที่ใช้สอยส่วนตัวแล้ว ยังช่วยจัดระเบียบสินค้า ทำให้ประหยัดเวลาในการแพ็กสินค้าส่งอีกด้วย

แม้ว่าการเริ่มต้นขายของออนไลน์จะดูง่าย ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายนัก แต่การเปิดร้านขายของหรือทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบผลสำเร็จนั้น ต้องมีการเตรียมความพร้อมของหลังบ้านที่ดี และวางแผนดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกสินค้า การวางแผนทำหรับทำการตลาดออนไลน์ หรือแม้กระทั่งการเช่าพื้นที่เก็บของเพื่อเป็นสโตร์เก็บของและสินค้า เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้น จะทำให้คุณแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด และจัดการให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง 

สำหรับใครที่สนใจเช่าพื้นที่สำหรับสโตร์เก็บของ สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ i-StoreGo บริการให้เช่าพื้นที่เก็บของที่แสนสะดวก มีทั้งแบบเช่ากล่องเก็บของ และเช่าตามขนาดของพื้นที่ เก็บของขนาดใหญ่ได้จุใจเหมาะสำหรับคนขายของออนไลน์ ช่วยเก็บรักษาอย่างสะอาดและปลอดภัย จัดการง่ายๆ ผ่านระบบออนไลน์ได้อีกด้วย  

เช่าพื้นที่เก็บของกับ i-StoreGo ติดต่อได้ที่

  • โทร: 093-128-3199
  • อีเมล: info@i-storego.com
  • หรือแชทกับเจ้าหน้าที่ผ่านไลน์: @i-storeGo