6 ปัจจัยที่ทำให้บ้านเสียหายมากที่สุด ที่คนรักบ้านไม่ควรมองข้าม

ใครที่ดูแลบ้านอยู่เสมอน่าจะคุ้นเคยดีกับปัญหาการซ่อมแซมต่างๆ ของตัวบ้าน ที่ล้วนมีเงื่อนไขการดูแลและการซ่อมแซมที่แตกต่างกัน ใครที่มีแพลนจะรีโนเวทบ้านเก่า หรือซื้อบ้านใหม่เร็วๆ นี้ คงกำลังหาข้อมูลว่าต้องคอยดูแลและปรับปรุงส่วนต่างๆ อย่างไรบ้าง แต่ทุกอย่างย่อมมีสาเหตุ ในบทความนี้มาดูปัจจัยต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้บ้านคุณเกิดความเสียหายได้มากที่สุด เพื่อให้คุณหาทางป้องกันและดูแลส่วนต่างๆ ของบ้านได้อย่างถูกวิธีและสามารถคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้แบบไม่บานปลาย จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย …

Home / PR NEWS / 6 ปัจจัยที่ทำให้บ้านเสียหายมากที่สุด ที่คนรักบ้านไม่ควรมองข้าม

ใครที่ดูแลบ้านอยู่เสมอน่าจะคุ้นเคยดีกับปัญหาการซ่อมแซมต่างๆ ของตัวบ้าน ที่ล้วนมีเงื่อนไขการดูแลและการซ่อมแซมที่แตกต่างกัน ใครที่มีแพลนจะรีโนเวทบ้านเก่า หรือซื้อบ้านใหม่เร็วๆ นี้ คงกำลังหาข้อมูลว่าต้องคอยดูแลและปรับปรุงส่วนต่างๆ อย่างไรบ้าง แต่ทุกอย่างย่อมมีสาเหตุ ในบทความนี้มาดูปัจจัยต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้บ้านคุณเกิดความเสียหายได้มากที่สุด เพื่อให้คุณหาทางป้องกันและดูแลส่วนต่างๆ ของบ้านได้อย่างถูกวิธีและสามารถคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้แบบไม่บานปลาย จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

1. ปัญหาเรื่องน้ำรั่วซึม

น้ำรั่วซึมที่พื้นผิวบริเวณพื้นและผนัง ถือเป็นปัญหายอดฮิตที่สร้างความน่าปวดหัวให้คนรักบ้านมากที่สุด เพราะน้ำที่ซึมเข้าไปในตัวบ้านผ่านทางรอยรั่วบนหลังคา ผนัง หรือฐานราก ทำให้โครงสร้างหลักเกิดความเสียหาย รวมถึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเชื้อราและโรคราน้ำค้าง เพราะความชื้นตามบริเวณที่น้ำเข้าถึง สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราได้

2. เชื้อรา

เชื้อรา รวมถึงเห็ดราทำลายไม้นั้นสามารถเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ไม่โดนแสงแดดและอับชื้น ส่วนที่มักเจอเชื้อราหรือคราบรา้ิืจึงเป็นบริเวณท่อน้ำ วัสดุภายนอกที่เป็นไม้ เช่น กรอบประตูและหน้าต่าง และซอกมุมอับต่างๆ ของบ้าน ซึ่งสปอร์ของเชื้อรานั้นเป็นตัวร้ายที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้เช่นเดียวกับความเสียหายต่อโครงสร้างบริเวณต่างๆ ของบ้านอีกด้วย เพราะเชื้อรานั้นแพร่กระจายได้ง่ายและใช้ไม่เวลาไม่นาน หากปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลามและสร้างความเสียหายเกินกว่าความจำเป็นได้

3. แมลงและสัตว์ต่างๆ

แมลงต่างๆ เช่น ปลวก มดไม้ แมลงภู่ มอดขี้ขุย และสัตว์ฟันแทะอย่าง หนู เป็นศัตรูตัวฉกาจของที่พักอาศัยทุกรูปแบบ เพราะนอกจากพวกมันจะเป็นเป็นพาหะโรคบางชนิดและสร้างความรำคาญให้แก่สมาชิกในบ้านแล้ว พวกมันยังกัดกินไม้และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ ทำโพลงและสร้างรัง ซึ่งสามารถความเสียหายให้แก่เฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงโครงสร้างพื้นฐานของตัวบ้านเป็นอย่างมาก 

4. การสึกหรอและปัญหาด้านโครงสร้าง

เป็นเรื่องปกติที่บ้านมักจะเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา รวมถึงโครงสร้างและส่วนประกอบต่างๆ ด้วย การบำรุงรักษาและคอยซ่อมแซมอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลบ้าน เพราะบ้านที่ถูกละเลยและขาดการซ่อมแซมเป็นเวลานาน มักจะเจอปัญหาต่างๆ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยที่แก้ไขได้ง่ายๆ ไปจนถึงความเสียหายที่รุนแรงจนต้องรื้อโครงสร้างใหม่ได้เลย เช่น การรั่วซึมของระบบท่อน้ำ การผุกร่อนของผนัง หลังคา ฐานรากของพื้นบ้าน หรือสนิมเหล็กบริเวณเสาและโครงสร้างต่างๆ ซึ่งถ้าใครเจอเรื่องแบบนั้นล่ะก็ ได้กุมขมับแน่นอน เพราะไม่ได้เสียแค่เวลา แต่เสียทั้งเงินและอาจจะต้องหาที่อยู่ชั่วคราวระหว่างซ่อมบ้านด้วย

5. อัคคีภัย

เรื่องไฟไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะมันหมายถึงความเสียหายที่ยากเกินแก้และอาจอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไฟไหม้หรือการลุกลาม สมาชิกในบ้านควรตระหนักถึงความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น โดยจัดเก็บอุปกรณ์ไวไฟทุกชนิดให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง ก่อนออกจากบ้านควรถอดปลั๊กอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและสับสวิตช์ ที่สำคัญควรติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับควันไฟและถังดับเพลิงเพื่อช่วยป้องกันหรือบรรเทาความเสียหาย รวมถึงทำประกันอัคคีภัยสำหรับบ้านอยู่อาศัยไว้ด้วยจะดีที่สุด

6. ภัยธรรมชาติ 

ข้อสุดท้ายนี้คงเกิดขึ้นได้น้อยแต่หากเกิดขึ้นแล้วก็คงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเหตุการณ์แผ่นดินไหว น้ำท่วม หรือพายุนั้นคือภัยที่เกิดจากธรรมชาติและสามารถสร้างความสูญเสียและความเสียหายต่อบ้านเรือนที่รุนแรงแบบประเมินค่าไม่ได้

ที่อยู่อาศัยเป็นสถานที่ที่เราและครอบครัวใช้พักผ่อนและดำเนินชีวิต ดังนั้นการเสื่อมโทรมผุพังของชิ้นส่วนและโครงสร้างต่างๆ นั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ หากรู้สาเหตุและที่มาของปัญหาต่างๆ แล้ว ก็ไม่ควรละเลยที่จะบำรุงรักษาอยากสม่ำเสมอ รวมถึงซ่อมแซมจุดเล็กๆ ที่สามารถขยายเป็นจุดใหญ่ได้หากปล่อยไว้นาน ใครที่อยากศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปอ่านสาระดีๆ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ TOA แหล่งรวมความรู้ และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครบจบทุกความต้องการของคนรักบ้าน