“บ้านเช่าพร้อมอาชีพ” ช่วยผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง
วันนี้ (22 ส.ค. 65) เวลา 10.00 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน OPEN HOUSE บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) เพื่อขับเคลื่อน
การดำเนินโครงการบ้านเคหะสุขประชา “บ้านเช่าพร้อมอาชีพ” สำหรับผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง พร้อมทั้งเปิดตัวผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น และพันธมิตร ของบริษัทฯ โดยมี นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และประธานกรรมการ บริษัทฯ กล่าวรายงาน นอกจากนี้ เป็นประธานเปิดโครงการ Training อาชีพ ของ DEET อย่างเป็นทางการ และเยี่ยมชม เชฟชุมพล แจ้งไพร สาธิตการทำอาหารจากวัตถุดิบโครงการฯ ณ บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) ซอยเคหะร่มเกล้า 29 ถนนเคหะร่มเกล้า เขตลาดกระบัง กทม.
นายจุติ กล่าวว่า บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) จัดตั้งขึ้นจากการที่การเคหะแห่งชาติ (กคช.) ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการบ้านเคหะสุขประชา “บ้านเช่าพร้อมอาชีพ” สำหรับผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ให้มีความคล่องตัวและประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น ซึ่งการขับเคลื่อนโครงการบ้านเคหะสุขประชา ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีเป้าหมายให้คนไทยมีความมั่งคงในที่อยู่อาศัยถ้วนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ และที่สำคัญเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง อีกทั้งโครงการบ้านเคหะสุขประชายังมีการสร้างเศรษฐกิจชุมชนคู่ขนาน ในมิติของ “มีบ้าน – มีอาชีพ – มีรายได้ – มีความสุข” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัยให้สามารถประกอบอาชีพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยจัดให้มีพื้นที่ “เศรษฐกิจสุขประชา” ตามความเหมาะสม ประกอบด้วย 6 รูปแบบ คือ เกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์ ตลาด ศูนย์การค้าปลีกค้าส่ง อาชีพบริการ และอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ที่มุ่งส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระและเศรษฐกิจชุมชนตั้งแต่การผลิตไปจนถึงช่องทางการจัดจำหน่าย
นายจุติ กล่าวต่อไปว่า โครงการบ้านเคหะสุขประชา เป็นโครงการที่ขอยืนยันว่า ขาดทุนเพื่อกำไร และทำได้จริงเพราะว่ามีหุ้นส่วนของบริษัทมาเข้าร่วม โดย กคช. เล็งเห็นว่าสังคมมีปัญหาเรื่องประชาชนไม่มีบ้านอยู่หลายล้านคน ไม่มีงานทำเกือบ 9 แสนคน วันนี้ เรามีบ้านเช่าราคาถูกแล้ว ต้องมีอาชีพให้ด้วย ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่ไม่มีใครเคยคิดว่า ยอมขาดทุนเพื่อให้สังคมได้กำไร จึงบอกว่าขาดทุนคือกำไร และเราพบอุปสรรคมากมายเพราะว่าหลายคนเห็นว่าโครงการลักษณะนี้จะสำเร็จได้อย่างไร แต่เราเชื่อว่าคนมีรายได้น้อยที่เข้าไม่ถึงโอกาสและสวัสดิการของรัฐยังรอคอยอยู่ โดยนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) เน้นย้ำเสมอว่าต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ต้องให้เข้าถึงสวัสดิการของรัฐ ซึ่งโครงการนี้เป็นหนึ่งสวัสดิการของรัฐที่ไม่ได้ให้แค่บ้านเช่าราคาถูก มีความปลอดภัย แต่จะให้โอกาสของชีวิต ด้วยการสร้างอาชีพใหม่ และจะมีตลาดรองรับสินค้าทั้งหมด เพราะว่าเรามีอาชีพให้ถึง 6 ประเภทที่จะสามารถทำให้ทุกคนลืมตาอ้าปากได้
นายจุติ กล่าวต่อไปอีกว่า โครงการบ้านเคหะสุขประชานั้นยืนอยู่ข้างประชาชน เราจะยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เราไม่ยึดผลประโยชน์ของเอกชน นั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ ขณะนี้ เรามีโครงการนำร่องที่ฉลองกรุงและร่มเกล้า และกำลังจะไปดำเนินการที่จังหวัดระยองและอีกหลายแห่ง โดยร่วมกับภาคเอกชน เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบางเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ อาทิ พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้ป่วยติดเตียงที่มีคนดูแล คนพิการ ผู้สูงอายุ คนตกงานไม่มีบ้านพักอาศัย เป็นต้น และท่านต้องพร้อมที่จะมาสร้างอาชีพร่วมกับเรา ต้องเดินไปพร้อมๆ กันด้วย โดยมีอาชีพถึง 6 ประเภทตามแหล่งที่พัก ถ้าท่านอาศัยอยู่ในเขตเมืองหรือปริมณฑล จะเป็นอาชีพประเภทตลาด ส่วนภูมิภาคจะเป็นอาชีพประเภทเกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์ และอุตสาหกรรมขนาดเล็กเพื่อแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร นอกจากนี้ ขอขอบคุณมูลนิธิของบางจากฯ ที่เข้ามาช่วยบริหาร กำจัดขยะ และทำให้เป็นทองคำ รวมทั้งเรื่องโซลาร์เซลล์และพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำที่ขาดทุนเพื่อกำไร ช่วยให้ประชาชนได้ลดค่าใช้จ่าย นับเป็นโครงการที่เราจะต้องทำเพื่อให้ประชาชนสามารถอยู่ได้อย่างพอเพียงและยั่งยืน
นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) มี กคช. ถือหุ้นใหญ่จำนวน 49.0% และกลุ่มผู้ถือหุ้นอีก 6 ราย จำนวนรวม 51.0% โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 500 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนจาก กคช. 245 ล้านบาท และเงินลงทุนของผู้ถือหุ้นรายอื่นที่ไม่ใช่ภาครัฐ 255 ล้านบาท ทั้งนี้ งบการสร้างโครงการเคหะสุขประชา จะเป็นการระดมทุนจากภาคเอกชนทั้งหมด รวมกว่า 60,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพื่อก่อสร้างบ้านเช่าพร้อมอาชีพ จำนวน 100,000 หน่วย ภายในระยะเวลา 4 ปี ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่ปี 2565 – 2568 ขณะนี้ มีการส่งมอบบ้านเป็นโครงการนำร่องแล้ว ในโครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง จำนวน 302 หน่วย และโครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า จำนวน 270 หน่วย ด้วยอัตราค่าเช่า 1,500 – 3,500 บาทเดือน