หากจะถามถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มาแรงในรอบปี และกำลังเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ หนุ่มสาวออฟฟิศวัยทำงาน รวมไปถึงคนที่ชอบปาร์ตี้สังสรรค์ ก็คงจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า Gin อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะเดินเข้าร้านไหน บาร์ไหนก็ตาม ก็จะเห็นแต่คนสั่งเหล้าจินอยู่เต็มไปหมด เหล้าจินไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เกิดขึ้นมาในโลกใหม่ แต่มีเครื่องดื่มที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ว่ากันว่าใครได้ลองรสชาติของจินเพียงสักครั้ง จะต้องหลงรักอย่างแน่นอน วันนี้เราจะพาไปดูวิธีการผลิต gin ว่ามีแบบไหนบ้าง เพื่อที่จะได้รู้จักกับ Gin เครื่องดื่มทางเลือกกระแสแรง เทรนด์ของคนยุคใหม่
รู้จักกับ Gin
นักดื่มส่วนใหญ่ยกให้เหล้าจิน เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มง่ายมากที่สุด นำไปผสมกับเครื่องดื่มอะไรก็ช่วยทำให้เครื่องดื่มชนิดนั้นโดดเด่นมากขึ้น เราจึงเห็นเหล้าจินอยู่ในค็อกเทลหลากหลายชนิด แต่รู้หรือไม่ว่า Gin ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 ที่ประเทศฮอลแลนด์โน่นเลยทีเดียว สมัยนั้นก็ผลิตจินขึ้นมาเพื่อใช้เป็นยารักษาโรค โดยใช้สมุนไพร เครื่องเทศ รากไม้ ดอกไม้ ใบไม้ เปลือกไม้ ธัญพืชต่าง ๆ เป็นส่วนผสม แต่หลัก ๆ ที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ ผลจูนิเปอร์ (Juniper Berry) ที่ทำให้กลิ่นของจินเป็นเอกลักษณ์นั่นเอง Gin มาได้รับความนิยมแพร่หลายจริงๆ หลังจากมีการตั้งโรงงานผลิตขึ้นที่ประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะแบรนด์ Tanqueray ที่ได้รับความนิยมสูงมาก หลังจากนั้นจึงได้แพร่หลายจนเป็นที่รู้จักและโด่งดังไปทั่วทั้งโลก
กรรมวิธีการผลิต gin เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยอดนิยม
กระบวนการผลิตจินที่เป็นที่นิยมทำได้ 2 วิธี คือ การกลั่น และการผสม โดยการนำแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ มาหมักกับผลจูนิเปอร์ และสมุนไพรเครื่องเทศต่างๆ จนได้ระยะเวลาที่เหมาะสม จากนั้นจึงนำเหล้าที่หมักกับส่วนผสมทั้งหมด ไปกลั่นซ้ำอีกครั้ง ซึ่งในการกลั่นซ้ำครั้งที่ 2 อาจจะมีทั้งแบบที่ไม่เติมสมุนไพร หรือเครื่องเทศลงไป เพื่อให้ได้กลิ่นแท้ๆ จากการหมักครั้งแรก หรืออีกวิธีก็คือ จะมีการเติมเครื่องเทศ ธัญพืช ลงไปในการกลั่นซ้ำครั้งที่ 2 ด้วย เช่น London Dry Gin ยอดนิยม แบรนด์ Tanqueray ก็จะใช้วิธีดังกล่าวนี้ โดยสูตรส่วนผสมพิเศษวิธีการผลิต gin จะเป็นเคล็ดลับของผู้ผลิตแต่ละราย
ประเภทของ Gin ที่ได้รับความนิยม
London Dry Gin – ลอนดอน ดราย จิน เป็นจินสไตล์ดั้งเดิมจากอังกฤษ วิธีการผลิต gin จะมีการเติมสมุนไพร หรือเครื่องเทศต่างๆ ลงไปในการกลั่นครั้งที่ 2-3 เป็นที่นิยมมากในประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร ในสหรัฐอเมริกา ประเทศสเปน และประเทศที่เคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ก็เป็นจินที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
Plymouth Gin – พรีเมาธ์ จิน เป็นจินที่มีสีใส เจือกลิ่นผลไม้อ่อนๆ และมีความหอมมาก มีการเก็บบ่มแบบเดียวกับการเหล้าบรั่นดี หรือวิสกี้ โดยจะเก็บบ่มในถังไม้โอ๊กจนน้ำมีสีเหลืองทอง ผลิตโดยโรงกลั่นแห่งเมืองพลีเมาธ์ จะนิยมเรียกกันติดปากว่าพรีเมาธ์ จิน
Genever Gin – เจนีเวอร์ จิน เรียกอีกอย่างว่า ฮอลแลนด์ จิน รสชาติออกหวานเล็กน้อย และมีความหอมเจือจางคล้ายวิสกี้ นิยมบ่มในถังไม้โอ๊ค มีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำกว่า Gin จากฝั่งอังกฤษ ได้รับความนิยมในประเทศฮอลแลนด์ เยอรมนี และเบลเยียม
Old Tom Gin – โอลด์ ทอม จิน เป็นจินที่มีรสหวาน วิธีการผลิต gin ส่วนใหญ่ใช้กากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบ ในอดีตเคยได้รับความนิยมมาก ในช่วงศตวรรษที่ 18 ชื่อ โอล์ด ทอม จิน ได้มาจากการวางขายในผับที่ชื่อว่า Old Tom จนโด่งดัง ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ผสมค็อกเทล
เมื่อการดื่ม Gin ได้กลายเป็นเทรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มาช่วยเติมสีสันให้กับชีวิต เพราะสามารถดื่มได้หลากหลาย ไม่ว่าจะดื่มกับโซดามะนาว น้ำผลไม้หวานๆ ดื่มสบายๆ ผสมโทนิก หรือนำไปผสมเป็นค็อกเทลชื่อดัง ใครที่อยากเริ่มต้นกับเหล้า Gin ดีๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งกลิ่น ทั้งรสชาติ ขอแนะนำ London Dry Gin ยอดนิยม Tanqueray Gin ที่มีทั้งความสมดุล และรสสัมผัสระดับพรีเมียมที่พิเศษเหนือใคร จนได้รับรางวัลระดับนานาชาติอย่างมากมายมาแล้วทั่วโลก