หากพูดถึงการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ของคนไทย เชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึงการศัลยกรรมคาง เพราะการศัลยกรรมคางจะช่วยทำให้ภาพรวมใบหน้าสมส่วน เรียวยาว และยังช่วยแก้ปัญหาคางถอย คางบุ๋ม รวมถึงปัญหาคางสั้น อีกทั้งบางคนยังต้องการเสริมคางตามหลักความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลใด ก่อนตัดสินใจเสริมคางควรทราบก่อนว่าการเสริมคางมีกี่แบบ แบบไหนดีอย่างไร และแต่ละแบบเหมาะสำหรับใครบ้าง
1. เสริมคางด้วยการฉีดฟิลเลอร์
เทคนิคการเสริมคางที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน โดยฟิลเลอร์คือสารชนิดหนึ่งที่ถูกออกแบบมาให้เลียนแบบสารที่มีในร่างกายจึงนิยมนำมาฉีดเพื่อเติมเต็มส่วนที่บกพร่อง เช่นเดียวกับการนำมาฉีดเพื่อเสริมคาง ข้อดีคือไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องรอให้คางเข้าที่ แถมหลังฉีดก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ที่สำคัญยังเห็นผลได้แบบไม่ต้องรอนาน ในระยะยาวฟิลเลอร์จะสลายตัวไปเอง เหมาะสำหรับคนที่คางไม่ได้สัดส่วนหรือผู้ที่ต้องการเสกคางให้ยาวขึ้น ที่สำคัญยังเหมาะสำหรับคนที่กลัวการผ่าตัดอีกด้วย
2. เสริมคางด้วยการศัลยกรรมผ่าตัด
การเสริมคางด้วยวิธีผ่าตัดเป็นอีกหนึ่งวิธียอดนิยม เพราะบางคนไม่ได้มีแค่ปัญหาคางสั้น แต่ยังมีปัญหาคางบุ๋ม คางถอย คางตัด ซึ่งแพทย์ไม่ค่อยแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ การผ่าตัดเสริมคางจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ในระยะยาว
- การเสริมคางแผลนอก
เป็นการผ่าตัดเพื่อเปิดแผลบริเวณปลายคางจากด้านนอก ความยาวแผลประมาณ 1-2 เซนติเมตร ข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้นนาน ดูแลแผลง่าย สามารถจัดวางซิลิโคนได้อย่างแม่นยำ ลดปัญหาคางเบี้ยว แต่มีข้อเสียคืออาจเห็นรอยแผลเป็น วิธีนี้จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่เป็นแผลเป็นง่ายและเหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ทรงคางจากการฉีดฟิลเลอร์
- การเสริมคางแผลใน
วิธีนี้แพทย์จะเปิดปากแผลบริเวณด้านในช่องปาก ข้อดีคือไม่เห็นแผลเป็นเพราะผ่าตัดและเย็บจากด้านใน แต่ต้องดูแลรักษาแผลให้สะอาดเพื่อลดโอกาสติดเชื้อ เหมาะกับผู้ที่มีโอกาสเป็นแผลเป็นนูนได้ง่าย และต้องผ่านการเห็นชอบจากแพทย์เนื่องจากการเสริมคางแผลในต้องพิจารณากระดูกขากรรไกรและโครงสร้างฟันร่วมด้วย
ก่อนตัดสินใจเสริมคางนอกจากควรทราบว่าการเสริมคางมีกี่แบบแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณาให้ดีคือการเสริมคางแบบไหนที่จะช่วยแก้ปัญหารูปหน้าได้ดีที่สุด เพราะแต่ละคนมีปัญหารูปหน้าไม่เหมือนกัน อีกทั้งยังมีโครงสร้างหน้าแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจเสริมคางไม่ว่าจะเสริมคางรูปแบบไหนควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน เพื่อแพทย์จะได้แนะนำวิธีที่ปลอดภัยและเหมาะสม เพียงเท่านี้ก็จะได้รับการแก้ปัญหารูปหน้าได้อย่างตรงจุดและได้เป็นเจ้าของใบหน้าเรียวสวยสมส่วน
