ข่าวดี สปป.ลาว ไฟเขียว หลัง “จุรินทร์” เจรจาเพิ่มรถหัวลาก-เปิดด่าน 24 ชม. ส่งออกผลไม้ไทยไปจีน พร้อมอนุญาต 5 ด่านสากลลดขั้นตอน Form D

การประชุมหารือแถลงผลการประชุม ในปี 2564 สปป.ลาวเป็นคู่ค้าอันดับ 7 ของไทยในอาเซียน

Home / PR NEWS / ข่าวดี สปป.ลาว ไฟเขียว หลัง “จุรินทร์” เจรจาเพิ่มรถหัวลาก-เปิดด่าน 24 ชม. ส่งออกผลไม้ไทยไปจีน พร้อมอนุญาต 5 ด่านสากลลดขั้นตอน Form D

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประชุมหารือกับ ดร.คำแพง ไซสมแพง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป. ลาว เพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้ไทยไปยังจีน นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายธัชชญาน์พล อภิมนต์เตชบุตร รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

ภายหลังการประชุมหารือกว่า 1 ชั่วโมง นายจุรินทร์แถลงผลการประชุมว่า ในปี 2564 สปป.ลาวเป็นคู่ค้าอันดับ 7 ของไทยในอาเซียน ตัวเลขการค้าระหว่างไทยกับ สปป.ลาว มีมูลค่า 229,572 ล้านบาท +15% และได้ตั้งเป้ามูลค่าการค้าร่วมกัน ในปี 2568 มูลค่า 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 363,000 ล้านบาท ซึ่ง 93.5% ของตัวเลขการค้าระหว่างกันทั้งหมดเป็นการค้าชายแดน คิดเป็นมูลค่า 214,814 ล้านบาท +13.17 % ซึ่งมูลค้าการค้าที่เพิ่มขึ้นเกิดจากด่านชายแดนไทยกับ สปป.ลาว ได้เปิดการค้าระหว่างกัน ปัจจุบันเปิดแล้ว 12 ด่าน และกำลังดำเนินการในการเปิดด่านเพิ่ม

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า การประชุมในวันนี้ได้มีการหารือกันถึงเรื่องการค้าระหว่างกัน โดยตนได้หยิบยกประเด็นสำคัญขึ้นหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า สปป. ลาว ใน 4 ประเด็น ได้แก่

ประเด็นที่ 1 ขอให้ทางการลาวอำนวยความสะดวกและพิจารณาการเปิดด่านเพิ่ม 9 ด่านจากที่เปิดอยู่แล้ว 12 ด่านประกอบด้วย ด่านบ้านปากแซง ด่านเชียงของ ด่านท่าเทียบเรือมุกดาหาร ด่านท่าเทียบเรือเทศบาลนครพนม ด่านบ้านจุมพล ด่านท่าเรือหนองคาย ด่านบ้านม่วง ด่านบ้านหม้อ ด่านอำเภอเชียงคาน ด่านบ้านแจมป่อง เพื่อให้เป้าหมายร่วมกันทางการค้าปี 2568 ได้บรรลุ 3.63 แสนล้านบาท ตามที่ได้ตั้งเป้าไว้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการค้าทั้งสองประเทศต่อไป ซึ่งประเด็นนี้ทาง สปป.ลาว ก็ได้รับไปพิจารณา

ประเด็นที่ 2 ภาคปฏิบัติเรื่องการส่งออกสินค้าไทยไปยัง สปป.ลาว มีเอกสารสำคัญที่จำเป็นที่เรียกว่า Form D คือเป็นใบแจ้งแหล่งกำเนิดสินค้า ซึ่งที่ผ่านมาจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาเพราะก่อนที่สินค้าจะข้ามแดนไปได้จะต้องได้รับใบ Form D โดยอนุมัติจากเวียงจันทน์ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ตนได้เคยหารือกับทางการเรามาก่อนหน้านี้ตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับข่าวดีจากทางการลาว ได้อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านจำนวน 5 ด่านสากล เริ่ม
โครงการนำร่องในการให้เจ้าหน้าที่ออก Form D ให้กับผู้นำเข้าลาว 11 บริษัทได้ก่อน โดยเริ่มดำเนินการ 10 กุมภาพันธ์ 2565 และจะขยายผลต่อไปเพิ่มเติมเมื่อทุกอย่างบรรลุผล

ประเด็นที่ 3 เรื่องปัญหาการส่งออกผลไม้ทางบกผ่านเชียงของของไทยผ่านบ่อเต็น ไปเข้าด่านบ่อหาน (โม่ฮาน) ของจีนทางยูนนานตอนใต้ ซึ่งขณะนี้มีปัญหาอุปสรรคคือจราจรติดขัดยาวเหยียดมาก เนื่องจากขั้นตอนกระบวนการและความเข้มงวดของรัฐบาลจีนในเรื่องนโยบาย Zeo COVID รวมถึงอุปสรรคการจราจรฝั่งลาวเพราะฉะนั้นตนจึงได้ขอเสนอให้รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าลาวได้รับไปพิจารณา 2 ประเด็น ได้แก่ 1. ขอให้รถของไทยที่ผ่านด่านเชียงของข้ามไปลาวไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรถหัวลากของทางการลาว แต่ให้ข้ามชายแดนไปได้และไปเปลี่ยนหัวลากทีเดียวที่บ่อเต็นก่อนเข้าบ่อหาน (โม่ฮาน)ได้หรือไม่ ทั้งนี้เนื่องจากในอดีตเราเคยปฏิบัติมาอย่างนั้น หรือถ้าไม่ได้ก็ขอให้ทางการลาวได้ช่วยพิจารณาเพิ่มรถหัวลากให้ทันต่อการให้บริการรถจากฝั่งไทยให้มากเพียงพอ 2. ขอให้ทางการลาวได้เพิ่มเวลาการให้บริการที่ด่านบ่อเต็น อาจจะเพิ่มเป็น 24 ชั่วโมงได้หรือไม่ ซึ่งรัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าลาวได้ตอบรับในการนำประเด็นนี้ไปหารือใน ครม. สปป. ลาวโดยเร็ว

ประเด็นที่ 4 รถไฟลาว- จีนที่หนองคาย เนื่องจากขณะนี้อัตราค่าขนส่งยังไม่ชัดเจนจึงได้ขอให้ทางการลาวได้โปรดพิจารณาในเรื่องนี้ เพื่อเอกชนในฝั่งไทยจะได้รับทราบและคิดคำนวณต้นทุนด้านการขนส่ง ซึ่งรัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าลาวได้รับไปแล้วว่ารัฐบาลลาวได้เร่งพิจารณาเรื่องนี้อยู่ เพื่อที่จะได้อัตราค่าขนส่งที่ชัดเจนต่อไป และตนได้ขอให้ทางการลาวอำนวยความสะดวกเมื่อถึงเวลาที่สินค้าไทยจะต้องข้ามจากหนองคายไปใช้บริการรถไฟลาว- จีนต่อไป ซึ่งท่านก็ตอบรับ

ส่วนประเด็นที่รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าลาวได้หยิบยก 3 ประเด็นได้แก่

ประเด็นที่ 1 ทางการลาวขอให้ขยายเวลาการอนุญาตนำเข้าข้าวโพดจากลาวเข้าไทย เนื่องจากปัจจุบันเราอนุญาตให้นำเข้าข้าวโพดเฉพาะช่วง 1 กุมภาพันธ์ถึง 31 สิงหาคมเป็นเวลา 7 เดือน ไปมากกว่าปัจจุบัน โดยทางการลาวอยากจะส่งออกมายังไทยในบางช่วง ซึ่งประเทศไทยก็มีความต้องการข้าวโพดเพื่อการเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดของลาวยังมีตกค้างอยู่บางส่วน ซึ่งตนก็รับประเด็นนี้ไว้เพื่อพิจารณาต่อไป และ รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าลาวก็ได้ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมการค้าของลาวประสานกับทูตพาณิชย์ไทยในลาวสำรวจผลผลิตที่ตกค้างอยู่ในลาว เพื่อรายงานให้ทราบต่อไป

ประเด็นที่ 2 มันสำปะหลัง ทางการลาวประสงค์จะส่งออกเข้ามาอย่างไทยเพิ่มเติม หรือว่าส่งออกมายังไทยด้วยความความสะดวกขึ้น ตนก็ได้แจ้งให้รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าลาวทราบแล้ว ว่าขณะนี้ การนำเข้ามันสําปะหลังจากลาวมายังไทยสามารถดำเนินการได้ 24 จังหวัด 25 จุดช่องทางทางการค้าซึ่งรัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าลาวก็รับทราบ

ประเด็นที่ 3 ทางการเราจะขอนำผ่านน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียผ่านแดนไทยไปยังลาว โดยจะนำผ่านปีละไม่เกิน 5,000 ตัน คือไม่ได้นำเข้าไทยแต่เป็นการนำผ่านไทยไปยัง สปป. ลาว จากมาเลเซียเท่านั้นซึ่งคณะกรรมการ กนป. ได้อนุญาตไปแล้ว ขณะนี้รอขั้นตอนกระบวนการปรับระเบียบทั้งหมด ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการเสร็จประมาณเดือนมิถุนายนซึ่ งตนได้เรียนให้รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าลาวทราบแล้ว ในการนำผ่านนั้นทางการไทยจะมีคณะกรรมการต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายความมั่นคง ที่จะติดตามการนำผ่านเพื่อให้มั่นใจว่าการนำมันน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียผ่านไทยไปยังสปป. ลาว มีความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่แจ้ง

นอกเหนือจากนี้ ในเรื่อง ด่านทั้ง 9 ด่าน รองนายกฯ จุรินทร์ยังได้ยืนยันว่า “ไทยมีความพร้อมทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของฝั่ง สปป. ลาวซึ่งมีเงื่อนไขของเรื่องโควิดอยู่ด้วยซึ่งรัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าลาว ก็มีความกังวลเรื่องโควิดเท่านั้นและเมื่อมีการคลี่คลายลงก็จะมีโอกาสในการเปิดเพิ่มขึ้นมากขึ้นเช่นด่านปากแซงนาตาลที่อุบลซึ่งตนได้ลงพื้นที่ไปด้วยตัวเองซึ่งขณะนี้กำลังทำทางลาดลงไปที่ถนนไปจรดแม่น้ำเพื่อข้ามแดนไปยังสปป.ลาว ไปยังด่านสาละวันซึ่งอยู่ในการพิจารณาของเจ้าแขวงซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบเป็นนโยบายตามข้อสั่งการของตนแล้วเนื่องจากจะเป็นประโยชน์ในการทำการค้าชายแดนของเรามาก”