พาตะลุย ‘ย่านหว่องไทซิน’ และ ‘ไท่โอ’ ในซีรีส์ “เปิดสมุดบันทึกเคล็ดลับเชฟฮ่องกง” โดยการท่องเที่ยวฮ่องกง

ออกเดินทางไปกับ เชฟเชน ออสบอร์น และเชฟวิกกี้ เชง ในตอนล่าสุดของซีรีส์ “เรื่องราวสุดพิเศษจากสมุดบันทึกเคล็ดลับของเชฟฮ่องกง” หรือ Hong Kong Chefs' Playbook

Home / PR NEWS / พาตะลุย ‘ย่านหว่องไทซิน’ และ ‘ไท่โอ’ ในซีรีส์ “เปิดสมุดบันทึกเคล็ดลับเชฟฮ่องกง” โดยการท่องเที่ยวฮ่องกง

เตรียมตัวให้พร้อมและออกเดินทางไปกับ เชฟเชน ออสบอร์น และเชฟวิกกี้ เชง ในตอนล่าสุดของซีรีส์ “เรื่องราวสุดพิเศษจากสมุดบันทึกเคล็ดลับของเชฟฮ่องกง” หรือ Hong Kong Chefs’ Playbook ที่เชฟทั้งสองจะพาผู้ชมไปสัมผัสแหล่งรวมแรงบันดาลใจในท้องถิ่นที่เป็นตัวจุดประกายให้กับเมนูชิ้นเอกของทั้งคู่ ผ่านการจัดทำและถ่ายทอดเรื่องราวโดยการท่องเที่ยวฮ่องกง (Hong Kong Tourism Board: HKTB) และมิชลิน ไกด์

เชน ออสบอร์น: อาหารแห่งความยั่งยืน

เชฟเชน ออสบอร์น จาก Arcane ร้านอาหารมิชลินสตาร์ระดับหนึ่งดาว คือหนึ่งในเชฟแนวหน้าของฮ่องกง ผู้มีชื่อเสียงจากการเข้าร่วมแข่งขันในรายการอาหารของ Netflix อย่าง The Final Table ในตอนที่สองของซีรีส์ Hong Kong Chefs’ Playbook นี้ เชฟออสบอร์นจะพาเราเดินเลียบไปตามถนนอันแสนสงบของหว่องไทซิน พร้อมหลีกหนีจากความวุ่นวายและความรีบเร่งของป่าคอนกรีต มาร่วมเปิดโลกและทำความรู้จักกับย่านที่ไร้ทางออกสู่ทะเลเพียงแห่งเดียวของเกาะฮ่องกง และอาณาบริเวณที่เป็นที่ตั้งของวัดและสวนสาธารณะมากมายแห่งนี้

ความเขียวขจีของธรรมชาติที่รายล้อมและสวนสาธารณะหลากหลายแห่ง ทำให้หว่องไทซินเปรียบเสมือนลมหายใจแห่งอากาศบริสุทธิ์ ณ ใจกลางเมือง และยังเป็นแหล่งเพาะแรงบันดาลใจอันสมบูรณ์แบบสำหรับเชฟออสบอร์น รวมถึงเป็นเพลาขับเคลื่อนภารกิจของเขาในการส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืน และลดผลกระทบที่วงการทำอาหารมีต่อสิ่งแวดล้อมในฮ่องกงได้เป็นอย่างดี

สำนักชีฉีหลินอันเงียบสงบ พื้นที่สีเขียวใจกลางหว่องไทซิน

ร้านอาหารมังสวิรัติฉีหลิน (Chi Lin Vegetarian Restaurant) ตั้งอยู่ภายในสวนหนานเหลียน (Nan Lian Garden) เป็นแหล่งพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองที่มีทิวทัศน์น้ำตกสุดสมบูรณ์แบบพร้อมสรรพในตัว จึงทำหน้าที่เป็นฉากหลังให้เชฟออสบอร์น และพิธีกรรายการ เด็บบี้ หว่อง ได้อย่างไร้ที่ติ ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวการทำงานของเชฟในฮ่องกง ร้านอาหารแห่งนี้จะเสิร์ฟอาหารมังสวิรัติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากประสบการณ์ที่สั่งสมและสืบทอดกันมายาวนานหลายศตวรรษ

ผู้คนรู้จักเชฟออสบอร์นกันดีในฐานะผู้หลงใหลในการทำอาหารโดยใช้วัตถุดิบที่มาจากพืช ในซีรีส์ตอนนี้ เขาได้ถ่ายทอดเรื่องราว ว่าส่วนผสมที่ผ่านการคัดสรรมาจากท้องถิ่นนั้นมีส่วนสำคัญต่อมื้ออาหารของเขาอย่างไร นอกจากนั้น เรายังจะได้รับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับการเลือกวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมและยั่งยืน

เชฟเชน ออสบอร์น เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีแห่งเซนและศิลปะแห่งการดื่มชาที่ร้านชาสงชาเสว่ย (Song Cha Xie Teahouse)

ภายในพื้นที่เกือบ 19 ไร่ของสวนหนานเหลียน ยังมีสถานที่อันงดงามอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือ ร้านน้ำชาสงชาเสว่ย (Song Cha Xie Teahouse) และที่นี่เองที่เชฟออสบอร์นและเด็บบี้จะมาพูดคุยถึงความสำคัญทางวัฒนธรรมในการดื่มชาท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบของสวนขนาดใหญ่ ร้านน้ำชาแห่งนี้ให้บริการชาหลากหลายชนิดพร้อมติ่มซำเป็นประจำทุกวัน เรียกได้ว่าเป็นเครื่องเคียงที่สมบูรณ์แบบสำหรับการดื่มด่ำบรรยากาศแบบเซน

หลังจากนั้น เชฟออสบอร์นจะพาผู้ชมออกเดินเที่ยวที่ตลาดไท่ชิง (Tai Shing Street Market) ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล ตลาดแห่งนี้มีทั้งของแห้งและของสดให้เลือกซื้อ โดยมีสินค้าหลากหลายละลานตา นับตั้งแต่ผลไม้ไปจนถึงปลาสดจากทะเล ตลาด
ไท่ชิงเปิดให้บริการทุกวันตลอดสัปดาห์ พร้อมแผงจำหน่ายสินค้าข้างทางจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่กำลังมองหาสินค้าสดใหม่อย่างแท้จริง สำหรับเชฟออสบอร์นแล้ว การสนับสนุนและเลือกซื้อวัตถุดิบจากตลาดและธุรกิจของผู้คนในพื้นที่ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยเกษตรกรในท้องถิ่นและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

เชฟเชน ออสบอร์น แบ่งปันเคล็ดลับในการเลือกซื้อวัตถุดิบจากตลาดในท้องถิ่น

วิกกี้ เชง: อาหารแห่งเรื่องราวและความสัมพันธ์

เชฟวิกกี้ เชง ก็มีจุดยืนเดียวกันในด้านการสนับสนุนผู้ผลิตสินค้าในท้องถิ่น เขาเชื่อว่าการไปเลือกซื้อวัตถุดิบจากตลาดด้วยตัวเองและการบ่มเพาะความสัมพันธ์กับเจ้าของร้านจะช่วยทำให้การคัดสรรวัตถุดิบมีความหมายและยั่งยืนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เชฟเชงเกิดที่ฮ่องกงและเติบโตในแคนาดา โดยเขาได้ผ่านการฝึกปรือจากร้านอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดในโทรอนโตและนิวยอร์กก่อนที่จะกลับมาสานฝันการเป็นเชฟต่อที่บ้านเกิด ในปี 2559 เชฟเชงได้เปิดร้านอาหาร VEA และได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ภายในแค่ปีเดียวหลังเปิดกิจการ

ในอีกตอนหนึ่งของซีรีส์ Hong Kong Chefs’ Playbook เชฟเชงพาผู้ชมไปรู้จักกับเมืองแห่งการประมง ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “เวนิสแห่งฮ่องกง” ชื่อว่า ไท่โอ (Tai O) ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องทิวทัศน์อันงดงามของแม่น้ำไท่โอและบ้านเรือนใต้ถุนสูง ไท่โอคือสถานที่ที่เชฟเชงเลือกไปเมื่อเขามองหาสถานที่อันแสนสงบเพื่อหลีกหนีจากเมืองที่วุ่นวาย แถมสถานที่แห่งนี้ยังเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญสำหรับร้าน VEA และ Wing อีกด้วย

เชฟวิกกี้ เชง และเด็บบี้ หว่อง ออกเดินทางสู่ไท่โอ ย่านที่มีความเรียบง่ายและงดงามในแบบฉบับของชนบท

เมื่อการประมงคืออาชีพหลักของชาวบ้าน อาหารทะเลจึงเป็นจานหลักประจำร้านอาหารหลายแห่งในพื้นที่ เช่นเดียวกับปลาตากแห้งและกะปิที่ถือเป็นวัตถุดิบอันเลื่องชื่อ เชฟเชงเล่าให้เราฟังว่า เพื่อนของเขาซึ่งทำธุรกิจซอสกุ้งและกะปิภายใต้ชื่อ The Sing Lee Shrimp Sauce & Paste Manufacturer ได้แนะนำให้เขารู้จักกะปิสูตรพิเศษ โดยธุรกิจนี้เป็นธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดมายาวนานกว่า 80 ปี ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นนั้นทำมาจากส่วนผสมที่หามาจากในท้องถิ่นและรังสรรค์ผ่านกรรมวิธีแบบดั้งเดิมที่มีความพิถีพิถันและไม่ใช้เครื่องจักร จากนั้น เชฟเชงได้ลองลงมือทำกะปิด้วยตนเอง สาธิตให้ผู้ชมได้เห็นถึงขั้นตอนต่างๆ นับตั้งแต่การตากแห้งไปจึงถึงการบรรจุหีบห่อ

เชฟวิกกี้ เชง เรียนรู้เกี่ยวกับการทำกะปิ

เมื่อได้ลองทำกะปิกันไปแล้ว เชฟเชงและพิธีกรของเราจะพาผู้ชมทุกท่านไปดื่มด่ำกับความเป็นท้องถิ่นอย่างแท้จริงที่ร้านอาหารทะเลตากแห้งอย่าง Yick Cheong Ho และร้านอาหาร Crossing Boat ซึ่งเป็นสถานที่ขนาดเล็กแต่ชูเอกลักษณ์เมนูอาหารอันโดดเด่นของไท่โอไว้เป็นอย่างดี และก่อนที่จะเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหาร เชฟเชงและเด็บบี้ได้แวะที่ร้านอาหารทะเลตากแห้ง Yick Cheong Ho เพื่อพักชิมอาหารตากแห้งที่ทำมาจากวัตถุดิบสดจากทะเลในหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อด้านนี้เป็นการเฉพาะ ร้านค้าแห่งนี้มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหอยเชลล์ตากแห้งหรือกระเพาะปลา อีกทั้งยังเป็นแหล่งจำหน่ายกุ้งทรายแห้ง (Velvet Rice Shrimp) อันหายาก ที่เชฟเชงเลือกมาใช้ที่ร้านอีกด้วย

อาหารทะเลตากแห้งเรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญของอาหารกวางตุ้ง และร้านอาหาร Crossing Boat ก็แสดงฝีมือปรุงอาหารทะเลตากแห้งในเมนูผัดต่างๆ รวมถึงเมนูข้าวห่อใบบัวให้คนได้ลิ้มลอง ระหว่างที่เชฟและพิธีกรกำลังรับประทานอาหาร ผู้ชมก็จะได้รับชมทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำและบ้านเรือนเก่าแก่ที่อยู่รายล้อมไปพร้อมๆ กันด้วย

หลังจากที่ได้ไปชมแหล่งวัตถุดิบกันเป็นที่เรียบร้อย เชฟเชงจะพาผู้ชมกลับไปที่ห้องครัวของร้าน VEA ซึ่งเป็นที่ที่ทุกท่านจะได้ตื่นตาไปกับเบื้องหลังการรังสรรค์เมนูปลาเค็มอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของร้าน อีกทั้งยังถือเป็นจานชูฝีมือของเชฟมานานกว่าหกปี วัตถุดิบปลาเค็มและกะหล่ำปลีของเชฟเชงได้รับแรงบันดาลใจมาจากเนื้อเพลงของเพลง 分分鐘需要你 (Without the Two of Us หรือ หากไม่มีเราสอง) ของนักร้องชาวฮ่องกงอย่างจอร์จ แลม (George Lam) ที่เชฟเชงเคยร้องให้ภรรยาฟัง ด้วยแรงบันดาลใจที่เชฟเชงได้รับจากการเดินทางมาที่ไท่โอแห่งนี้พร้อมกับคู่ชีวิต เขาจึงเลือกที่จะถ่ายทอดความรักที่มีต่อทั้งอาหารและภรรยาของเขาผ่านเมนูที่พิถีพิถันมาเป็นอย่างดี

เมนูชิ้นเอกที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลง และรังสรรค์ขึ้นจากอาหารทะเลตากแห้งจากไท่โอ

แม้จะได้รับการขนานนามว่าเป็น “เวนิสแห่งฮ่องกง” แต่เสน่ห์ของไท่โอก็เรียกได้ว่าเป็นแบบฉบับของตนเองอย่างแท้จริง เตรียมตัวให้พร้อมแล้วตามไปดูเรื่องราวของไท่โอ และลองมาดูว่าเชฟเชน ออสบอร์น จะพาไปทำเมนูอะไรได้ที่ Discover Hong Kong