บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด บริจาคเงินจำนวน 13,000,000 บาท แก่คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อช่วยบรรเทาวิกฤตการณ์โรคโควิด-19 ที่กำลังส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในขณะนี้
เงินบริจาคในครั้งนี้ได้นำไปใช้เพื่อจัดทำห้องแยกโรคติดเชื้อความดันลบ (Negative Pressure Room with AI/IR) สำหรับผู้ป่วยวิกฤต จำนวน 34 เตียง เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้ป่วยวิกฤต ตลอดจนเพิ่มความปลอดภัยให้กับแพทย์และบุคลากรด่านหน้าที่ให้การรักษาผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
ท่ามกลางข้อจำกัดด้านพื้นที่และจำนวนเตียงในขณะที่จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ระยะวิกฤตยังคงเพิ่มมากขึ้นทุกวันในขณะนี้ โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงได้ปรับปรุงหอผู้ป่วยให้เป็นห้องแยกโรคติดเชื้อความดันลบ (Negative Pressure Room with AI/IR) ที่สามารถป้องกันเชื้อโรคกระจายออกนอกห้อง ทำให้เชื้อโรคไม่กระจายสู่บุคลากรการแพทย์ผู้รักษาใกล้ชิดกับผู้ป่วยวิกฤต ห้องนี้จึงมีความจำเป็นอย่างมากต่อการรักษาโรคทางเดินหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยจากไวรัสโควิด-19
นายปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า“เชลล์ในฐานะพันธมิตรได้ประสานให้ความช่วยเหลือและทำงานใกล้ชิดกับโรงพยาบาลรามาธิบดีฯ ในการสนับสนุนและแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดระลอก 3 ของโรคโควิด-19 ในประเทศ ด้วยเจตนารมณ์ร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดีฯ ในการช่วยเหลือสังคมไทยให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน”
ด้านศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระยะแรก โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เพื่อศึกษาทำความเข้าใจโรคอุบัติใหม่นี้ รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ จากโรคระบาด การสนับสนุนจากเชลล์ครั้งนี้ทำให้เราสามารถเพิ่มการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้มากขึ้น และเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ห้องนี้ยังสามารถใช้รักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอื่นๆ ได้อีกด้วย โรงพยาบาลรามาธิบดียินดีที่ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องกับเชลล์ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีเจตนารมณ์เดียวกันในการส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัยของสังคมไทย”
เชลล์ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยของคนในสังคม เดินหน้าร่วมมือกับทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับมือกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที