คาโอ จับมือ อมตะ-กนอ.-เนคเทค และกองโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค เปิดโครงการ “ร่วมแรงร่วมใจ ลดป่วย ลดกระจาย ลดภัยร้ายจากไข้เลือดออก”

คาโอ เปิดตัวโครงการ “ร่วมแรงร่วมใจ ลดป่วย ลดกระจาย ลดภัยร้ายจากไข้เลือดออก” พื้นที่ตำบลหนองไม้แดง ตำบลดอนหัวฬ่อ และนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ชลบุรี จังหวัดชลบุรี ร่วมกับ 4 องค์กรใหญ่…

Home / PR NEWS / คาโอ จับมือ อมตะ-กนอ.-เนคเทค และกองโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค เปิดโครงการ “ร่วมแรงร่วมใจ ลดป่วย ลดกระจาย ลดภัยร้ายจากไข้เลือดออก”

คาโอ เปิดตัวโครงการ “ร่วมแรงร่วมใจ ลดป่วย ลดกระจาย ลดภัยร้ายจากไข้เลือดออก” พื้นที่ตำบลหนองไม้แดง ตำบลดอนหัวฬ่อ และนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ชลบุรี จังหวัดชลบุรี ร่วมกับ 4 องค์กรใหญ่ ได้แก่ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) และกองโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เดินหน้ากิจกรรมเพื่อสนับสนุนโครงการเพื่อลดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออก เนื่องในวันไข้เลือดออกอาเซียน นำร่องโครงการฯ ในเขตตำบลหนองไม้แดง ตำบลดอนหัวฬ่อ และนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ จังหวัดชลบุรี ให้ปลอดไข้เลือดออกภายใน 3 ปี พร้อมเปิดตัวแอป “รู้ทัน” มุ่งให้ประชาชนรู้ทันโรคภัยไข้เจ็บ พร้อมมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

มร.ยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด

มร.ยูจิ ชิมิซึ ประธานกรรมการ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงความร่วมมือในโครงการดังกล่าวว่า “แม้ว่าคนไทยจะรู้จักโรคไข้เลือดออกมานานแล้ว แต่ยังมีอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก ซึ่งพบว่าสาเหตุหลักมาจากการขาดความรู้และความเข้าใจอย่างถูกต้องในเรื่องการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ขาดการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี จนกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของลูกน้ำยุงลาย ซึ่งพื้นที่ภาคตะวันออกยังคงมีอัตราการระบาดอยู่ทุกปี ทางคาโอและพันธมิตรจึงได้เลือกพื้นที่เขตตำบลหนองไม้แดง ตำบลดอนหัวฬ่อ และนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ จังหวัดชลบุรี เป็นพื้นที่นำร่อง เนื่องจากมีจำนวนประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น และเป็นพื้นที่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมที่คาโอตั้งอยู่ด้วย โดยเราเลือกเปิดโครงการอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันไข้เลือดออกอาเซียน (ASEAN Dengue Day) และยังมีแผนจะขยายโครงการไปยังพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ ในอนาคต”

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นโครงการเป็นประโยชน์และสอดคล้องกับนโยบายของอมตะด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่สมาชิกภายในนิคมอมตะ ประเทศไทย ที่มีอยู่กว่า 250,000 คน และประชาชนในชุมชนโดยรอบ รวมถึงโครงการนี้ยังมีการนำแอปพลิเคชัน เข้ามาประยุกต์ใช้ให้ทุกคนได้รู้ทันโรคไข้เลือดออก และติดตามสถานการณ์ได้อย่างใกล้ชิด ทำให้เห็นว่าเทคโนโลยีไม่ได้มีไว้เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถนำมาใช้พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้เช่นเดียวกัน ซึ่งตอบสนองต่อแนวคิดการสร้างเมืองอัจฉริยะของอมตะให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น เชื่อมั่นว่าในอนาคตโครงการนี้อาจกลายเป็น Role model ให้กับนิคมฯ อมตะที่ต้องอยู่ในต่างประเทศ ได้แก่ เวียดนาม ลาว พม่า ได้อีกด้วย”

นายวีริศ  อัมระปาล ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)

ทางด้านนายวีริศ  อัมระปาล ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เผยถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ จ.ชลบุรี เป็นนิคมขนาดใหญ่ พนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ รวมจำนวนกว่า 181,879 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2363) มีชุมชนโดยรอบรัศมี 5 กิโลเมตร จำนวนกว่า 212 หมู่บ้าน ทาง กนอ.  ยินดีที่จะสนับสนุนส่งเสริมให้สถานประกอบการที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมให้ความสำคัญในการป้องกันโรคไข้เลือดออกแก่พนักงานและชุมชนโดยรอบ เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจของภาคอุตสาหกรรมยั่งยืนควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน การสร้างความสมดุล ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน”

ดร.พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อ

ในส่วนของ ดร.พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อนำโดยแมลง ยังได้นำเสนอถึงสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศไทยว่า “ในยุค new normal ที่เราเผชิญอยู่ในขณะนี้ แม้จำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกจะลดลงถึงกว่าร้อยละ 80 แต่ไม่ควรไว้วางใจ เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาโรคไข้เลือดออกได้ทำให้เด็กเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และข้อมูลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา พบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน และเมื่อวัยทำงานเสียชีวิต จึงส่งผลกระทบต่อครอบครัวและสร้างความเสียหายต่อสังคมและเศรษฐกิจ และโรคไข้เลือดออกเป็นโรคติดต่อที่ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกัน ไม่มียารักษาจำเพาะ ซึ่งทำให้การลดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตยากยิ่งกว่าโรคโควิด-19 ดังนั้น มาตรการสำคัญในการลดโรคจึงยังคงเป็นการกำจัดพาหะนำโรคทั้งลูกน้ำยุงลาย  กองโรคติดต่อนำโดยแมลงยินดีอย่างยิ่งกับการผนึกกำลังครั้งนี้ ที่จะได้เห็นประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย มีคุณภาพชีวิตที่ดี และเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจไทยต่อไป”

ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ

สำหรับโครงการนี้ ยังมีการนำนวัตกรรมมาสร้างความตระหนักรู้โรคไข้เลือดออก โดยเปิดตัวแอปพลิเคชัน “รู้ทัน” แอปสื่อสารความเสี่ยงด้านสุขภาพ เปิดให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ง่ายขึ้น ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ เนคเทค-สวทช. กล่าวว่า “ทีมนักวิจัยจากเนคเทค-สวทช. ได้ร่วมมือกับกรมควบคุมโรค วิจัยและพัฒนา “ชุดซอฟต์แวร์ทันระบาด” เพื่อสนับสนุนการเฝ้าระวังการระบาดของโรคไข้เลือดออก ให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งมีการนำไปใช้งานกว่า 5 ปี และในปี พ.ศ. 2563 ได้ร่วมกันต่อยอด ทันระบาด ไปสู่ภาคประชาชน ภายใต้แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า “รู้ทัน” เพื่อสื่อสารความเสี่ยงด้านสุขภาพ ณ ตำแหน่งปัจจุบัน และพื้นที่ที่สนใจ โดยแจ้งเตือนสถานการณ์ความเสี่ยง ไม่เพียงแต่การแพร่ระบาดของไข้เลือดออก แต่ยังรวมถึง สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และดัชนีความร้อนที่นำไปสู่โรคลมแดด และพร้อมขยายผลสู่ความเสี่ยงสุขภาพอื่นๆ ต่อไป” ซึ่งประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “รู้ทัน” ทั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และระบบปฏิบัติการไอโอเอสได้แล้ววันนี้

เกี่ยวกับ บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2507 มีต้นกำเนิดมาจาก คาโอ คอร์ปอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น กว่า 56 ปีที่ คาโอ ประเทศไทย สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิต และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคผ่านผลิตภัณฑ์กว่า 11 แบรนด์สินค้าชั้นนำ อาทิ แอทแทค มาจิคลีน ไฮเตอร์ ลอรีเอะ เมอร์รี่ส์ บิโอเร แฟซ่า และอื่นๆ

นอกจากนี้ คาโอ ประเทศไทย ยังมีธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่มีความเชื่อมโยงกับหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ดำเนินธุรกิจโดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ คาโอ ประเทศไทย ไม่เพียงแต่ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ แต่ยังสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถเป็นประโยชน์แก่ผู้คนและสังคมด้านสุขอนามัยและความงาม มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจและขับเคลื่อนบริษัทไปสู่ความยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) ภายใต้สโลแกน “สร้างสรรค์สิ่งดี เพื่อชีวิตที่สวยงาม หรือ Kao-Making Life beautiful”