จากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ All New YAMAHA AEROX ตัวใหม่ล่าสุดกับลูกเล่นใหม่ระบบ Y-Connect ไปจนถึงเครื่องยนต์ใหม่ เฟรมใหม่ ทำให้รู้สึกว่าอยากจะพิสูจน์ความโหดจริง ๆ
แน่นอนว่าการขับขี่ในสนามแข่งจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ เพราะตัวรถจะต้อง ใช้รอบเครื่องที่สูงตอนออกจากโค้ง เพราะในครั้งนี้เราทดสอบกัน 8 ชั่วโมงโดยไม่พัก และหวังลึกๆ ว่าจะมีสถิติกับเค้าด้วย เพราะมีโหมด Ranking เปรียบเทียบกับผู้ขับขี่ยามาฮ่าทั่วโลก ก็มาจบที่ สนามไทยแลนด์เซอร์กิต นครชัยศรี จึงเปิดรับทีมทดสอบ ด้วยความยินดี
เริ่มต้นเราก็ใช้โหมดค้นหาตัวรถจากจุดที่จอดล่าสุดกันก่อนเลยทีเดียว ถือว่าแม่นยำและเที่ยงตรงมาก การทดสอบอย่างเป็นทางการเริ่มในเวลา 10.45 น. สาเหตุที่เลือกเวลานี้คือ ต้องการให้เห็นว่าการเทสต์กลางวันยันกลางคืนนั้นเป็นอย่างไร ไฟหน้าส่องสว่างแค่ไหน ได้ข่าวว่าไฟสวยมากจึงอยากเอามานำเสนอให้ทุกท่านได้เห็นพร้อมๆ กัน โดยในครั้งนี้ ผู้ร่วมทดสอบและทีมงานเป็นสื่อมวลชนสายรถจักรยานยนต์ที่มาจากนิตยสารล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็น Riders club mag , It My Ride , Stopbike Channel, Riding , The Test ไปจนถึงสื่อมวลชนรุ่นใหญ่อย่าง นิตยสารจักรยานยนต์เวิร์ลด์ และ นิตยสารทูฟาสต์ มาให้คำแนะนำ ไปจนถึงช่วยเซอร์วิสต่าง ๆ อีกด้วย
ผ่านชั่วโมงแรกไป ยางติดรถยังดูดี ไม่เป็นคลื่น ขึ้นขุยเล็กน้อย น้ำมันเชื้อเพลิงถูกเติมตามปกติ ระบบ Y-Connect เปิดโหมด Dashboard ตลอดเวลา เห็นได้ว่ารอบเครื่องขึ้นเรดไลน์ตลอดเวลา ความเร็วท็อปสปีดที่ใช้ในสนามไทยแลนด์เซอร์กิต อยู่ที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งมีความรู้สึกว่ามันยังไม่หมดง่ายๆ ระบบเบรกหลังแบบดรัมเบรกเอาอยู่ จำเป็นต้องใช้เพราะนี่คือรถออโตเมติก ที่จะต้องใช้ระบบเบรกหลังแทนเอนจิ้นเบรก ส่วนระบบเบรกหน้าเป็นดิสก์เบรก มั่นใจได้เต็มที่ ในช่วงครึ่งทางของการทดสอบ เบรกหลังเริ่มเฟส เป็นเรื่องธรรมดา แต่เราก็สามารถปรับตั้งให้ลึกเข้าไปด้วยมือ ทำให้สามารถขับขี่ต่อได้อย่างปลอดภัย ระบบกันสะเทือนหน้าและหลัง ถูกพัฒนามาเป็นอย่างดี รองรับกับการต่อสู้แรงเหวี่ยงหนีศูนย์ เวลากดคันเร่งในโค้งได้อย่างมันส์ ไปจนถึงระยะเทล ที่ปรับใหม่ทำให้รู้สึกว่ายิ่งขี่ก็ยิ่งสนุก จนเวลาต่อรอบที่ทีมทดสอบทำได้ดีที่สุดในวันนั้นคือ 2.01 วินาที ถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับรถเดิมๆ จากโรงงาน กับการขับขี่คนละ 25 นาที
เข้าสู่ช่วงท้ายของการทดสอบ พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ระบบไฟส่องสว่างทำงานอย่างเห็นได้ชัด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสวยงามที่เราได้เห็น เพราะน้อยครั้ง จะได้เห็นรถเปิดไฟหน้าในสนามแข่ง ในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน หลังจากธงตาหมากรุกโบกสะบัด ระยะทางที่เราทำได้คือ 569 กิโลเมตร ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงที่สามารถจุได้ 5.5 ลิตร เราเติมไป 3 ถัง กับอีก 2 ลิตร ก็ถือว่ายังประหยัด แม้ว่ารอบเครื่องจะถูกกระชากขึ้นลงตามสไตล์การขับขี่ในสนามแข่งก็ตาม สภาพยางก็ยังสามารถนำไปใช้งานต่อได้อีก ไม่เป็นคลื่น คือสิ่งที่ส่งผลมาจากระบบกันสะเทือนที่ดี
สรุปคือเป็นรถที่ขี่สนุก มีลูกเล่นเยอะ อำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มที่ด้วยโหมด Y-Connect คุ้มค่าคุ้มราคาจนทุกคนต้องยกนิ้วแล้วบอกว่า…ผ่าน !!!