แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเตือน อาการถ่ายเป็นเลือด สัญญาณบอกความผิดปกติในลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร หรือผลต่อเนื่องจากโรคตับ เมื่อเกิดอาการไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพื่อการวินิจฉัยและรักษาได้อย่างตรงจุดและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
โดย นพ.สมบุญ รุ่งจิรธนานนท์ แพทย์ประจำศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลนครธน ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหารและตับ อธิบายถึงอาการถ่ายเป็นเลือดว่า เป็นอาการที่บ่งบอกถึงโรคเกี่ยวระบบทางเดินอาหารหลายโรค
“อาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือด บ่งบอกถึงโรคเกี่ยวระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่โรคร้ายแรงที่สุดอย่าง มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือ เนื้องอกในลำไส้ จนถึงโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคกระเปาะหรือถุงในลำไส้ใหญ่อักเสบ ซึ่งพบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุที่ผนังลำไส้เปราะบาง โรคริดสีดวงทวาร โรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร รวมถึงผลต่อเนื่องจากโรคตับแข็ง หลายโรคถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีจะกลายเป็นโรคเรื้อรัง ต้องมีการรักษาต่อเนื่องยาวนานเพราะหากมีอาการกำเริบของโรค สามารถเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพได้” นพ.สมบุญ อธิบาย การสังเกตอาการเบื้องต้น นพ.สมบุญ แนะนำให้สังเกตสีและลักษณะของอุจจาระ ที่สามารถบ่งบอกโรคและระบุตำแหน่งความผิดปกติในลำไส้หรือกระเพาะอาหารได้ อาทิ อุจจาระกับเลือดผสมกันเป็นเนื้อเดียวมีเลือดสดสีแดงปน แสดงว่ามาจากบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย อุจจาระปนเลือดสีคล้ำแสดงความผิดปกติลำไส้ใหญ่ส่วนต้น หรือถ่ายเป็นเลือดดำคล้ำเหมือนยางมะตอยแสดงว่ามีเลือดออกในกระเพาะอาหาร เนื่องจากเลือดผสมกรดที่มีในกระเพาะอาหารจึงเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ ๆ และถ้าถ่ายแล้วเป็นเลือดแบบมีเลือดสดพุ่งตามมา บ่งบอกเลือดมาจากลำไส้ใหญ่ส่วนล่างบริเวณใกล้ ๆ ทวารหนัก อาจเป็นโรคริดสีดวงทวาร เป็นต้น
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังได้แนะนำให้ผู้มีอาการถ่ายเป็นเลือด ควรไปพบแพทย์ทันที เมื่อรู้ตัวว่ามีอาการ เพราะในบางเคสอาจเข้าข่ายภาวะฉุกเฉินถึงขั้นช็อคได้ หรือทิ้งไว้อาจทำให้โรคลุกลามรักษายาก
“ผู้ป่วยควรสังเกตความรุนแรงของเลือดออกมีเยอะแค่ไหน ตอนที่มีอาการแล้วพบสัญญาณชีพ ที่ผิดปกติ เช่น ถ่ายเป็นเลือดแล้ว มีความดันต่ำลง ชีพจรเต้นเร็วขึ้น มีอาการเหมือนจะหน้ามืด เวียนศีรษะ
ลุก-นั่งแล้วจะเป็นลม แสดงว่ามีภาวะเสียเลือดเยอะ เป็นภาวะที่ต้องรีบรักษาโดยเร่งด่วน และต้องมารักษาที่โรงพยาบาล แต่ถ้าถ่ายเป็นเลือด แล้ว สัญญาณชีพปกติ สามารถตรวจภายหลัง 1-2 วันหลังเกิดอาการ แต่ไม่ควรทิ้งไว้นานเกิน เพราะอาจมีภาวะเสียเลือดเรื้อรังทำให้ร่างกายอ่อนแอลง กระตุ้นการเกิดโรคเลือดจาง และกระตุ้นให้อาการของโรคบางอย่างในตัวลุกลามมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ จนทำให้ยากต่อการรักษา”นพ.สมบุญ แนะนำ
ในการตรวจรักษาโรคที่เป็นสาเหตุของอาการถ่ายเป็นเลือด เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร ปัจจุบันทางการแพทย์มีเทคโนโลยีทันสมัยคือ การส่องกล้องทางเดินอาหาร ที่ให้ผลชัดเจน สะดวกรวดเร็ว รู้ผลการตรวจในวันเดียวกัน และสามารถให้การวินิจฉัยและการรักษาได้ในครั้งเดียวกัน มีให้บริการที่ทางศูนย์ทางเดินอาหารและตับ หรือ GI หนึ่งในศูนย์การแพทย์เฉพาะทางของโรงพยาบาลนครธน ให้บริการตรวจดูแลรักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารและตับอย่างครบคัน ได้แก่ การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้นหรือ อีจีดี (Esophagogastroduodenoscopy-EGD ) เพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคของหลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น และ การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนปลาย ที่เรียกว่า โคโลนอสโคปี (Colonoscopy) เพื่อการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคลำไส้ใหญ่
นายแพทย์สมบุญ อธิบายการตรวจรักษาด้วยการส่องกล้องว่า“การตรวจรักษาได้ในคราวเดียว คือ ถ้าส่องกล้องแล้วเจอแผลมีจุดเลือดออกในกระเพาะอาหาร เราก็จะสามารถใช้อุปกรณ์เข้าไปทำการรักษาเพื่อหยุดเลือดหรือฉีดยาเพื่อหยุดเลือด เป็นการรักษาตอนนั้นได้เลย หรือถ้าส่องกล้องลำไส้ใหญ่แล้วพบติ่งเนื้อเราก็สามารถตัดติ่งเนื้อออกมาตรวจได้เลย การส่องกล้องทางเดินอาหารนี้เป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน”
นอกจากเทคโนโลยีทันสมัยศูนย์ทางเดินอาหารและตับ รพ.นครธน ยังให้การรักษาแบบบูรณาการโดยแพทย์สหสาขาวิชาชีพ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย
“ที่ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ รพ.นครธน เรามีทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพ โดยเฉพาะ วิสัญญีแพทย์ ประจำศูนย์ฯ ที่จะให้ยานอนหลับคนไข้ระหว่างการตรวจส่องกล้อง เพราะการตรวจลำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหาร ถ้าคนไข้ยังรู้สึกตัวอยู่การตรวจจะยากลำบากกว่า รวมทั้งในบางโรคที่ซับซ้อนขึ้น อย่าง โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ถ้าตรวจส่องกล้องไปเจอมะเร็ง ก็ต้องประเมินระยะของโรค ประเมินการผ่าตัด และการใช้เคมีบำบัด ต้องอาศัยแพทย์สหสาขาวิชาชีพอื่น ๆ อย่าง แพทย์รังสีวิทยา ศัลยแพทย์ และถ้าผ่าตัดแล้ว คนไข้มีระยะโรค 2-3-4 ก็อาจต้องปรึกษาหมอทางด้านอายุรกรรม ด้านมะเร็งวิทยา มาร่วมดูแล เพื่อการรักษาโรคได้ครบถ้วนที่สุด” นพ.สมบุญ แพทย์ประจำศูนย์ฯ กล่าว
บริการของศูนย์ทางเดินอาหารและตับ รพ.นครธน เป็นแบบวันสตอปเซอร์วิส โดยมี ห้องเตรียมลำไส้ 6 ห้อง สำหรับคนไข้ได้พัก เพื่อทานยาเตรียมลำไส้ และมีห้องน้ำ เพื่อให้คนไข้ถ่ายของเสียออกมา และสามารถนอนพักได้ก่อนเข้าตรวจส่องกล้อง มีห้องส่องกล้อง 4 ห้อง และ ห้องพักฟื้น เพื่อให้คนไข้นอนพักรอทราบผลการตรวจได้ภายในวันเดียวกัน บางกรณีผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล กระบวนการจบภายในช่วงเที่ยง ก็สามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้
การมีห้องพักฟื้น ภายในศูนย์ฯ พร้อมพยาบาลวิชาชีพดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากความสะดวกสบาย ที่ผู้ป่วยได้นอนพักระหว่างรอรับผลตรวจแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน
“หลังส่องกล้องเสร็จ บางคนมีอาการ เช่น ปวดท้อง แน่นท้อง เนื่องจากมีแก๊สในลำไส้ เราก็ช่วยได้รวดเร็วด้วยการให้ยาลดอาการปวด ยาลดลมในลำไส้ พยาบาลวิชาชีพจะคอยดูสัญญาณชีพให้กลับมาสู่ภาวะปกติ”
ทั้งนี้ นพ.สมบุญ กล่าวย้ำเตือน ผู้มีอาการถ่ายเป็นเลือด สัญญาณความผิดปกติในลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ควรตรวจรักษาหรือรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ลดขั้นตอนการรักษาป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพองค์รวมโดยไม่จำเป็น
ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหารและตับ วางใจกับศูนย์การแพทย์เฉพาะทางนครธน ณ ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลนครธน ชั้น10 เปิดบริการทุกวัน จันทร์-อาทิตย์ เวลา 07.00 – 22.00 น. ด้วยบริการที่มุ่งมั่นใส่ใจด้วยหัวใจความมนุษย์ การติดต่อสะดวกผ่านการสื่อสารทุกแพลตฟอร์ม นัดหมายและติดต่อสอบถามรายละเอียด ได้โดยตรงที่โทร. 0-2450-9999 ต่อ 1390-1392 หรือบริการนัดหมายผ่าน LINE Official @Nakornthon Hospital และ และ Website www.nakornthon.com