โฆษก คสช. เผย ที่ประชุมเห็นชอบใช้ ม.44 เปลี่ยนแปลงคำสั่ง-ประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ ขณะที่อีกส่วนทำเป็นกฎหมายถาวร หลังใช้มานาน 5 ปี
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (7 พ.ค. 2562) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลการประชุม คสช. ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการเปลี่ยนแปลง คำสั่งหัวหน้าคสช. และประกาศ คสช. ทั้งหมด 456 ฉบับ ที่ออกมาตลอด 5 ปี
โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะใช้ มาตรา 44 เพื่อลบล้างคำสั่งและประกาศ คสช.ที่ไม่จำเป็นตั้งแต่หลังการรัฐประหาร ปี 2557 ขณะที่บางฉบับต้องทำให้เป็นกฎหมายถาวร ซึ่งเรื่องใดบ้างที่จะประกาศใช้เป็นกฎหมายถาวรคงต้องให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นคนให้รายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง
สำหรับการใช้ ม.44 ของออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน มีการประกาศใช้แล้วอย่างน้อย 206 ฉบับ ซึ่งทางเพจ iLaw ได้มีการรวบรวมมาให้เห็นตัวเลขว่า ในแต่ละปี คสช. ได้ใช้คำสั่งพิเศษนี้ไปกี่ครั้งแล้วหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2557
ปี 2557 คสช. ใช้ไปแค่ครั้งเดียว “แช่แข็งองค์กรส่วนท้องถิ่น” และยังมีผลมาจนถึงวันนี้
ปี 2558 ใช้ไป 47 ครั้ง
ปี 2559 ใช้ไป สูงสุด อยู่ที่ 78 ครั้ง
ปี 2560 ใช้ไป 54 ครั้ง
ปี 2561 แม้จะเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง แต่ก็ยังใช้มาตรา 44 อยู่ 22 ครั้ง
ปี 2562 แม้จะมีการเลือกตั้งแล้ว การใช้มาตรา 44 ก็ยังเดินหน้าต่อไป
สำหรับ มาตรา 44 คือ บทบัญญัติในรัฐธรรนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ที่บัญญัติว่า “ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นเป็นการจำเป็น เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ
หรือเพื่อป้องกันระงับ หรือปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร
ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีอำนาจสั่งการ ระงับยับยั้ง หรือกระทำการใด ๆ ได้ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ
ในทางบริหารหรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคำสั่งหรือการกระทำ รวมทั้งการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว เป็นคำสั่งหรือการกระทำ หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด
ซึ่ง “อำนาจ ” มาตรา44 และสถานะของ คสช. จะอยู่ไปจนกระทั่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับหน้าที่ ซึ่งยังไม่แน่นอนว่า จะเป็นวันที่เท่าใด ดังนั้น อำนาจพิเศษเช่นนี้ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป
ข้อมูลบางส่วนจาก iLaw