ที่ประชุม ครม. วานนี้ (7 พ.ค. 62) มีมติเห็นชอบการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์ โดยจะเปลี่ยนจากการจัดเก็บภาษีตามความจุของกระบอกสูบ มาเป็นการจัดเก็บภาษีตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตามหลักการจัดเก็บภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 และมลพิษต่างๆ โดยที่ก่อนหน้านี้ภาษีของรถยนต์ก็ได้ปรับไปในลักษณะนี้แล้ว ซึ่งอัตราภาษีใหม่นี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
โดยอัตราภาษีใหม่มีดังนี้
– รถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้า อัตราภาษีอยู่ที่ 1%
– รถจักรยานยนต์แบบใช้น้ำมันหรือไฮบริด จะขึ้นอยู่กับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- ถ้าไม่เกิน 10 กรัม/กิโลเมตร อัตราภาษีอยู่ที่ 1%
- 10-50 กรัม/กิโลเมตร อัตราภาษีอยู่ที่ 3%
- 50-90 กรัม/กิโลเมตร อัตราภาษีอยู่ที่ 5%
- 90-130 กรัม/กิโลเมตร อัตราภาษีอยู่ที่ 9%
- เกิน 130 กรัม/กิโลเมตร อัตราภาษีอยู่ที่ 18%
– รถจักรยานยนต์ต้นแบบ ที่นำเข้าโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปวิจัยพัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะ ที่ไม่เคยมีจำหน่ายในท้องตลาดเป็นการทั่วไป และไม่เคยได้รับยกเว้นภาษีสรรพสามิตมาก่อน อัตราภาษีอยู่ที่ 0% คือไม่เก็บภาษี
– ส่วนประเภทอื่นที่ไม่อยู่ในกลุ่มที่กล่าวมา อัตราภาษีอยู่ที่ 20%
มีการประเมินว่าถ้าเป็นรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน จะเสียภาษีเพิ่มขึ้นประมาณคันละ 200 บาท แต่ถ้าเป็นรถจักรยานยนต์ประเภทออฟโรดหรือกึ่งสปอร์ต อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นประมาณคันละ 1,500 บาท
ทั้งนี้ ทางกระทรวงการคลังหวังว่า เมื่อปรับโครงสร้างภาษีแล้ว ทางผู้ผลิตก็จะปรับปรุงการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แล้วในอนาคตราคาอาจจะต่ำกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันตามโครงสร้างภาษีใหม่