“ธนาธร” พร้อมเจรจาทุกพรรคไม่หนุน คสช.สืบทอดอำนาจ – ชวนร่วมปิดสวิตช์ ส.ว. “ปิยบุตร” เล็งใช้ 2 ช่องทางร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญ – วินิจฉัย “สูตร 27พรรค” ขัด รธน. หรือไม่
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 8 พฤษภาคม ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค ร่วมแถลงข่าวกรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกประกาศเรื่องผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ โดยมีจำนวนพรรคการเมืองที่ได้รับการจัดสรร ส.ส.จำนวน 26 พรรค ซึ่งการใช้สูตรดังกล่าว ทำให้พรรคอนาคตใหม่มีจำนวน ส.ส.หายไปจากที่เคยคำนวณไว้ถึง 7 ที่นั่ง
นายปิยบุตร กล่าวว่า จากการแถลงข่าวและประกาศของ กกต.ล่าสุด ชัดเจนแล้วว่าพรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส.80 ที่นั่ง แสดงว่า กกต. ใช้สูตรการคำนวณที่เรียกว่า “สูตร 27 พรรค” คือ นำคะแนนปาร์ตี้ลิสต์พรรคที่ถึงเกณฑ์แบ่งสันปันส่วนไปให้พรรคที่ได้คะแนนประมาณ 3-6 หมื่นคะแนนด้วย พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า เป็นวิธีการที่น่าจะขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ซึ่งทำให้คะแนนของพรรคเราหายไปหรือทิ้งน้ำไปประมาณ 6 แสนคะแนน ที่ผ่านมามักพูดเสมอว่า ต้องคำนึงถึงหรือให้น้ำหนักกับทุกคะแนน
แต่ปรากฏว่า เมื่อนับรวมทุกพรรคที่ถูกลดทอนไปพบว่า 4 พรรคนั้นหายไปราว 1.5 ล้านคะแนน ซึ่งพรรคอนาคตใหม่พรรคเดียวหายไปประมาณ 6 แสนคะแนน ขณะเดียวกัน เมื่อนำ 11 พรรคที่ได้จัดสรรพรรคละ 1 ที่นั่ง เมื่อนำคะแนนมารวมกันได้ประมาณ 5.5 แสน เท่านั้น นี่คือคะแนนที่แลกกับราว 1.5 ล้านคะแนนที่หายไป อย่างนี้ที่บอกว่าคะแนนทุกคะแนนมีความหมาย ไม่ทิ้งน้ำก็ไม่เป็นจริง ย่อมแสดงว่าระบบจัดสรรปันส่วนผิดเพี้ยนกว่าที่ควรจะเป็น
“กรณีนี้ พรรคอนาคตใหม่เป็นผู้เสียหายโดยตรง คะแนนดิบ 6 แสนคะแนนถูกทิ้งน้ำ จำนวน ส.ส.หายไป 7 ที่นั่ง ในฐานะตัวแทนพี่น้องประชาชน เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญเพื่อเตรียมดำเนินการต่อไปใน 2 ช่องทาง คือ 1.ทำคำร้องยื่นเรื่องต่อ กกต. เพื่อให้ กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรนูญ ให้วินิจฉัยตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 210 (2) วินิจฉัยการใช้อำนาจหน้าที่ของ กกต. และ 2. ใช้มาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญ ส่งเรื่องไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ยืนยันว่าเราถูกละเมิดสิทธิ ส.ส.7 คนที่หายไปถูกละเมิดสิทธิ
และถ้าผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ พรรคอนาคตใหม่ก็มีสิทธิที่จะยื่นเรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง ตามข้อกฎหมายที่ระบุว่า บุคคลใดถูกละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ยื่นคำร้องฟ้องโดยตรงได้ ทั้งนี้ เรื่องการใช้สูตรคำนวณแบบ 27 พรรค ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่เคยวินิจฉัย เราจะใช้สิทธิที่พึงมี ไม่ใช่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพรรคอนาคตใหม่ ของ ส.ส.เราที่หายไปเท่านั้น แต่เราต้องการรักษาคะแนนเสียงของประชาชน กว่า 6 แสนคะแนนที่ถูกทิ้งน้ำไป” นายปิยบุตร กล่าว
ด้าน นายธนาธร กล่าวว่า ถึงตอนนี้มีความชัดเจนเรื่องจำนวน ส.ส. แล้ว 498 ที่นั่ง แต่อย่างไรก็ตามเพียงพอที่จะทำให้เกิดความชัดเจนทางการเมือง จึงอยากให้คิดถึงก้าวต่อไป คิดถึงอนาคตประเทศไทยว่าจะเดินไปอย่างไร ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ขอให้นำข้อเสนอที่เราพูดไว้ก่อนเลือกตั้งเรื่อง ปิดสวิตช์ ส.ว. มาพิจารณา ช่วยกันกดดัน ทำให้เกิดขึ้นจริง การปิดสวิตช์ ส.ว. คือเราสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ที่สภาผู้แทนราษฎร ไม่ให้ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากประชาชนสามารถทำงานได้
โดยตอนนี้ 3 พรรคการเมืองที่ประกาศหนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ 115 ที่นั่ง พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 ที่นั่ง พรรคประชาชนปฏิรูป 1 ที่นั่ง รวมแล้ว 121 ที่นั่ง ซึ่งข้อเสนอปิดสวิตช์ ส.ว. กรณีพรรคที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ มีคะแนนน้อยกว่า 124 ที่นั่ง สามารถเป็นไปได้
ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ประชาชนที่รักประชาธิปไตย กลับไปทวงถามคำสัญญาญที่พรรคการเมืองต่างๆ เคยให้ไว้ก่อนการเลือกตั้งมาร่วมกัน เพราะนี่คือการยับยั้งกลไกที่ไม่ได้มาจากประชาธิปไตย คือการยับยั้งนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากประชาชน พรรคทุกพรรคที่ไม่ใช่ 3 พรรคที่กล่าวถึงข้างต้นมีส่วนร่วมได้ โดยการยกมือรับรองนายกรัฐมนตรีที่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีที่รวมเสียงข้างมากได้ เราจะมี 378 เสียงในสภา ซึ่งมากกว่า 3 พรรคฝ่ายสืบทอดอำนาจบวกกับ ส.ว. 250 คน ทำให้การเมืองแบบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้
“การที่พรรคการเมืองมาร่วมกันปิดสวิตช์ ส.ว.ทำให้การเลือกนายกมาจากประชาชน ไม่ได้มาจากกลไกการสืบทอดอำนาจ ไม่ได้มาจากเสียง ส.ว. นี่จะเป็นบันไดก้าวแรกที่ทำให้ประเทศไทยเดินทางกลับสู่ประชาธิปไตย โดยหลังจากนี้ พรรคอนาคตใหม่ พร้อม ยินดี ที่จะเดินทางไปพบกับทุกพรรคการเมืองที่มีนโยบายไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด เรามีส่วนร่วมกันในการที่จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ คสช. และเปิดประตูบานใหม่สู่ประชาธิปไตย พรรคอนาคตใหม่พร้อมไปพูดคุย เพื่อให้การปิดสวิตช์ ส.ว. เป็นจริง” นายธนาธร กล่าว