เรือนจำพิเศษกรุงเทพ จัดพิธีปล่อยตัวผู้ต้องขัง 238 ราย ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยมี 5 แกนนำพันธมิตรฯ รวมอยู่ด้วย
วันนี้ (10 พ.ค. 2562) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กรมราชทัณฑ์ ได้ทำพิธีปล่อยตัว เนื่องจากกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับตัวเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จัดทำพิธีปล่อยตัว ผู้ต้องขัง ที่เข้าเกณฑ์ได้รับการอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ ซึ่งรวมไปถึงแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 5 คนประกอบด้วย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสุริยะใส กตะศิลา และพลตรีจำลอง ศรีเมือง ที่ได้รับการปล่อยตัวของวันนี้
ทั้งนี้หลังจากได้รับการปล่อยตัว ด้าน นายสมเกียรติ เปิดเผยว่า ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมีพระบรมราชโองการอภัยโทษ และเห็นว่าการปล่อยนักโทษครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะจากการศึกษาพระราชกฤษฎีกาพบว่า ผู้ต้องขังต้องผ่านการอบรมหลักสูตรเตรียมการปล่อยเป็นเวลา 5 วัน
จากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดูแลช่วยเหลือ และติดตามไม่ให้ ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวกระทำผิดซ้ำอีก พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ยังมีบัญชีแนบท้ายความผิด กลุ่มความผิดทางเพศความผิดค้ามนุษย์ ความผิดป่าไม้ และอุทยาน แห่งชาติ รวมถึงความผิดทุจริตคอร์รัปชันหลัก ที่ไม่เข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษ
จึงเห็นว่าหลักทั้ง 3 ประการนี้ คือปณิธานของพระองค์ ที่ต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข อีกทั้งพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ต้องการให้คนกลับตัวเป็นคนดีและไม่ให้กระทำความผิดซ้ำอีก นายสมเกียรติยังได้ ขอบคุณพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยังเป็นห่วงแกนนำทุกคน
ด้านนายสุริยะใส กล่าวว่าสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่พระราชทานอภัยโทษนักโทษหลายหมื่นคน ซึ่งชีวิตในเรือนจำ 87 วันถือว่าได้พิสูจน์ ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม กระบวนการทางศาล แม้ศาลจะพิพากษาแตกต่างจากอีกที่คิดก็ตาม แต่แกนนำทุกคนก็ยอมรับคำพิพากษา การหนีศาลหรือโจมตีศาล ไม่ทำให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้น
ดังนั้นสิ่งที่ยืนยันมาตลอด 10 กว่าปี พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะยังศรัทธาในระบบยุติธรรม และพร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ความสุจริตใจในอีก 2-3 คดีที่เหลือ
นายสุริยะใส ยังเรียกร้องด้วยว่า อย่ามองนักโทษเป็นคนเลวเพราะบางครั้งอาจเกิดความผิดพลาดในชีวิตเพียงครั้งเดียว หรือไม่มีเงินประกันตัว ไม่มีเงินสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความยุติธรรม ขณะเดียวกันมีโอกาสเจอพี่น้องเสื้อแดงในเรือนจำซึ่งต่างเห็นอกเห็นใจกันและกัน จึงถือเป็นบทเรียนเฉพาะตัว ที่ต้องสรุปด้วยตนเอง
ส่วนด้านนายพิภพ ธงไชย เปิดเผยว่ากระบวนการยุติธรรม จะต้องทบทวนเรื่องการส่งคนเข้าเรือนจำ ไม่ควรใช้วิธีจองจำเพียงอย่างเดียว จะต้องพิจารณาเรื่องการประกันตัว ต้องใช้ระบบโซเชียล ระบบอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่เข้ามาดูแล ระหว่างที่มีการต่อสู้คดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกว่า ระหว่างที่ยังสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวกระทำผิดหรือไม่ทำผิด
สำหรับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะมีผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 10 พ.ค. กว่า 200 คน และจะทยอยปล่อยต่อเนื่อง ตามบัญชี ผู้ต้องโทษ ที่เป็นไปตามเงื่อนไขในพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ทั้งนี้ มีผู้ต้องขังราว 4-5 หมื่นคนทั่วประเทศ จะได้รับการอภัยโทษ และทยอยปล่อยตัวภายใน 120 วัน
อย่างไรก็ตาม 6 อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกศาลฎีกาพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 62 ให้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 8 เดือน ในคดีบุกรุกทำเนียบรัฐบาล ระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในปี 2551 ประกอบด้วย
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 83 ปี,
นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปี,
นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปี,
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปี,
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปี อดีตแกนนำ พธม.
และนายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปี โดยแกนนำ 5 คน ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว ยกเว้นนายสนธิที่ถูกพิพากษาจำคุกในคดี พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ด้วย แต่ก็ได้รับการลดโทษตามสัดส่วน