ผู้ต้องขังได้รับพระราชทานอภัยโทษ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอบวชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
วันนี้ (10 พ.ค.62) ที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กรมราชทัณฑ์ พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ทั่วประเทศที่ความประพฤติดีให้ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ และปล่อยตัว เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป ตามพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2562
ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ และเป็นโอกาสอันสำคัญที่เรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ จะได้นำผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ รวมถึงครอบครัวญาติพี่น้องของผู้ต้องราชทัณฑ์ ร่วมถวายความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ โดยในวันนี้ที่บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตนได้เดินทางไปเป็นประธาน ฝ่ายฆราวาส
ในการบรรพชาสามเณรหมู่ให้กับผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษรวม 20 ราย ที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และขอบวชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุขที่มีญาติพี่น้องมารอรับ สำหรับการปล่อยตัวกลับบ้านของทุกเรือนจำ จะได้มีการตั้งโต๊ะหมู่บูชา และพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ผู้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ และญาติมิตรได้ร่วมถวายสักการะ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนจะตั้งใจทำความดีสนองคุณพระองค์ท่านและแผ่นดิน
การพระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้ กรมราชทัณฑ์คาดว่า จะมีผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวประมาณ 3 – 5 หมื่นคน และได้รับการลดโทษอีกจำนวนมาก โดยกรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อม ก่อนปล่อย ได้แก่ การให้การศึกษา การพัฒนาจิตใจและส่งเสริมศีลธรรมจรรยาด้วยหลักสูตรสัคคสาสมาธิ ของหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธฺโร และการฝึกอบรมวิชาชีพในหลักสูตรระยะสั้นเพื่อเตรียมตัวกลับสู่สังคมได้อย่างมีคุณภาพ
นอกจากนี้หลังจากพ้นโทษแล้ว ยังได้เตรียมแผนรองรับการช่วยเหลือผู้พ้นโทษ ซึ่งได้บูรณาการเครือข่ายภาครัฐ และสังคม ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตาม ดูแล และช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ มิให้กลับไปกระทำผิดซ้ำอีก
อย่างไรก็ตามพันตำรวจเอก ณรัชต์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์เชื่อว่า กระบวนการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย และเครือข่ายภาคสังคมที่เข้ามามีส่วนร่วมในครั้งนี้ จะสามารถทำให้ผู้พ้นโทษได้กลับสู่สังคมได้อย่าง ปกติสุข และหวังว่าสังคม ตลอดจนผู้ประกอบการหรือห้างร้านบริษัทต่างๆ จะให้โอกาสผู้พ้นโทษเข้าทำงาน ร่วมให้กำลังใจและเปิดใจยอมรับผู้ก้าวพลาด ให้ได้กลับตัวเป็นคนดีของสังคม เพื่อไม่ให้เขาเหล่านั้นหวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก