วันนี้ ( 2 ธ.ค.63 ) นายกมล เชียงวงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วย นายแพทย์ศุภชัย บุญอำพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพะเยา และนายแพทย์อนันต์ มาลัยรุ่งสกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพะเยา ร่วมแถลงข่าวกรณีจังหวัดพะเยา พบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( โควิด19 ) เพิ่มอีก 1 ราย เป็นผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 28 ปี
จากการสอบสวนโรคพบว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยาได้รับการประสานจากฝ่ายความมั่นคงว่า ได้ติดตามผู้หลบหนีเข้าเมืองจาก อ.แม่สาย จ.เชียงรายเพื่อเข้ากักกันตัว และติดตามอาการป่วยที่โรงพยาบาลพะเยา
สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ป่วย มีดังนี้
- วันที่ 1-28 พ.ย.63 ผู้ติดเชื้อเดินทางไปทำงานที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ที่เมืองท่าขี้เหล็ก เมียนมา ซึ่งมีการระบาดของ COVID-19 จึงเดินทางกลับไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ย.โดยได้เดินทางกลับ ผ่านช่องทางรรมชาติ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เข้าพักที่บ้านเพื่อนในพื้นที่หน้าด่าน อ.แม่สาย
- วันที่ 29 พ.ย.63 ผู้ติดเชื้อเดินทางจากอ.แม่สาย โดยรถยนต์โดยสาร (แท็กซี่ขาว -แดง) ไปยังพื้นที่ห้างบิ๊กซี อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย
- วันที่ 30 พ.ย.63 Check out ออกจากโรงแรม เวลา 12.00 น.แวะทานอาหารกลางวัน ระหว่างทางแวะร้าน 7-11 ปตท.แม่สรวย เดินทางไปเชียงใหม่ โตยใช้เส้นทางเขียงราย-เวียงป่าเป้า-แม่ขะจาน
- และเข้ารับการตรวจเชื้อที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม เวลา 17.00 น.กลับพะเยา โตยรถยนต์ส่วนตัว เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพะเยา ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงราย
- วันที่ 1 ธ.ค.63 รับแจ้งจากโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม ผลตรวจยืนยันพบเชื้อ COVID-19 ทีมปฏิบัติการสอบสวนโรคสสจ.พะเยา สอบสวนและควบคุมโรค
ดังนั้น ขอให้ผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน หรือเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงหรือพื้นที่ที่มีรายงานการระบาด ปฏิบัติตนดังนี้ กลุ่มเสี่ยงสูง จำนวน 1 ราย คือ สามีผู้ป่วย และกลุ่มเสี่ยงต่ำคือ ประชาชนในจังหวัดพะเยาที่เดินทางไปร่วมงานแสดงดนตรีที่สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 ช่วงเวลา 18.00 ถึง 23.00 น.
และอยู่ในโซนรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่นั่งโต๊ะและไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้อื่น ให้สังเกตอาการป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจ คือ ไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อย ในระยะเวลาภายใน 14 วัน ( วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ถึง วันที่ 13 ธันวาคม 2563 ) ให้ไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ทั้งนี้ให้ดำเนินการตามมาตรการด้านสาธารณสุขดังนี้ คือ ให้มีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ และสแกนไทยชนะอย่างเคร่งครัด