ค่ำวานนี้ มีรายงานพบผู้ลักลอบหนีเข้าประเทศที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยร.อ.พิสิฐ อภิเดช ผบ.ร้อย.ม.3 ร่วมกับ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กรมควบคุมโรค พร้อมจนท.ปลัดอำเภอแม่สาย จ. เชียงราย ได้เข้าควบคุมตัวทั้ง 4 ราย
หลังจากที่ทั้งสี่รายได้ ข้ามไปทำงานในเมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้ามอำเภอแม่สอด ได้ลักลอบข้ามลำน้ำเมย เข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา และไม่ทำการกักตัว หรือรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ทั้ง 4 ราย ยังคงตระเวนเที่ยวในพื้นที่ อ.แม่สาย – อ.แม่จัน ในช่วงวันที่ 25 – 28 พ.ย. ที่ผ่านมา
โดยทางเจ้าหน้าที่ ได้ควบคุมตัว เป็นหญิง 2 รายได้ที่ โรงแรมท็อปนอร์ธ ใกล้ด่านพรมแดนแม่สาย แห่งที่ 1 และอีก 2 ราย จนท. ได้ตั้งด่านสกัดจับได้ที่ ด่านกิ่วทัพยั้ง อ.แม่จัน จ. เชียงราย ซึ่งทั้งคู่อยู่บนรถโดยสารปรับอากาศ แม่สาย – กทม. ระหว่างจะเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อต่อรถไปยับพัทยา
หลังจากที่จนท. ได้เก็บตัวอย่าง ส่งตรวจหาเชื้อ ก็ได้ส่งทั้ง 4 รายไป กักตัวที่ใน State Quarantine ในจังหวัดเชียงราย และทางเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินคดีในข้อหา หลบหนีเข้าเมือง และฝ่าฝืนตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค ต่อไป
เข้มงวดลักลอบเข้าเมือง – เตรียมเปิดให้คนไทยกลับได้เพิ่ม
หลังจากปัญหาการหลบหนีลักลอบเข้าประเทศไทย จากทางฝั่งประเทศเมียนมาผ่านทางช่องทางธรรมชาตินั้น ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยทางเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ได้มีมาตรการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ เฝ้าระวังเพิ่มเติม
แต่เนื่องลำน้ำเมยหลายจุดสามารถเดินข้ามได้ และในช่วงนี้ ระดับน้ำไม่แรงเหมือนช่วงฤดูฝน ทำให้การข้ามไป-มา ระหว่างไทย-เมียนมา ทำได้ง่ายขึ้น ประกอบกับสถานการณ์การระบาดในฝั่งประเทศเมียนมา มีแนวโน้มการระบาดที่ยังคงสูงอยู่ ทำให้จำนวนผู้ที่พยายามหลบหนีเข้ามามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
ซึ่งในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็สามารถตรวจจับกุม และผลักดันกลับไปได้อย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับบางส่วนที่เป็นคนไทยที่ข้ามไปทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้านนั้น เมื่อลักลอบข้ามมาแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบได้ยากกว่า เนื่องจากกลุ่มนี้ รู้เส้นทาง หาที่พัก-หลบเลี่ยง เหมือนนักท่องเที่ยวชาวไทยตามปรกติ จึงทำให้การติดตาม จับกุมนั้นต่างจากชาวเมียนมาที่หลบหนีเข้ามา
ทางจังหวัด จึงเตรียมเสนอ ศบค. เพื่อเปิดช่องทางให้คนไทยในประเทศเพื่อนบ้านสามารถกลับมาไทยได้มากขึ้น เพื่อลดการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง และโอกาสที่จะแพร่กระจายของโควิด-19 ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
