“บิ๊กตู่” ตอบไม่ได้ “บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก” ติดโผครม.ใหม่ บอกยังไม่ใช่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ปัดเกี่ยวจัดที่นั่งรัฐบาลใหม่ ยันให้เกียรตินักการเมืองเพราะลต.มาแล้ว เมิน “เรืองไกร” ร้องยุบพลังประชารัฐ ชี้เป็นเรื่องกระบวนการไม่เคยตอบโต้
วันนี้ (14 พ.ค. 62) ที่ ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อยู่ด้วยหรือไม่ ว่า ตนตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ใช่นายกฯ คนใหม่ ซึ่งคนที่จะจัดรัฐบาลและครม. คือ นายกฯคนใหม่
ขณะนี้ตนยังไม่ได้เป็นจึงไม่สามารถพูดอะไรได้ ทุกอย่างเป็นเรื่องของนายกฯคนใหม่ที่จะมาตามขั้นตอน โดยจะมีการคัดเลือกหลังจากเปิดสภาไปแล้ว และตอนนี้ยังไม่สามารถตอบแทนใครได้ ส่วนที่ขณะนี้ยังไม่ทันตั้งรัฐบาลแต่กลับมีเรื่องต่อรองเก้าอี้และโจมตีนั้น ตนเองก็รู้สึกเบื่อหน่าย และชื่อว่าการตั้งรัฐบาล นักการเมือง และพรรคการเมืองดำเนินการอยู่แล้ว ตนให้เกียรติทุกคน เพราะได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน จึงเคารพเสียงของประชาชน และให้เกียรติกับนักการเมืองทุกคน
“ถ้าเราพูดกันไปกันมา จนเลวร้ายไปทั้งหมดก็ไม่เกิดอะไรดีขึ้นมาเลย รวมถึงประเทศก็ไม่ได้อะไร ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่มีความสุข ขณะที่ต่างประเทศก็ขาดควมเชื่อมั่น ผมจึงไม่รู้ว่าเสนอข่าวกันไปทำไม คนนั้นคนนี้พูดอย่างเหมือนตีลูกปิงปองที่ตีกันไปมา ท้ายที่สุดก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคไทยรักษาชาติ เตรียมร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ ฐานที่ยอมให้พลเอกประยุทธ์ พลเอกประวิตร และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาร่วมพิจารณาจัดตั้งรัฐบาล ว่า ใครอยากร้องก็ให้ร้องไป ตนไม่ได้ห้าม แต่ต้องดูข้อเท็จจริงและกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมามีการร้องหลายกรณีตนไม่เคยไปตอบโต้ แต่ให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม
พลเอกประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้อย่าทำให้บ้านเมืองเสียหาย โดยเฉพาะการพูดกันไปมา สื่ออย่าไปขยายความมากนัก เพราะหลายคนไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่กลับวิพากษ์วิจารณ์ต่อกัน และเชื่อกันไปมา จนทำให้วุ่นวายไปหมด ย้ำว่าตนและรองนายกฯยังไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลกับใคร เพราะยังไม่ได้เป็นายกฯและรองนายกฯ และขณะนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมือง จึงขอให้เกียรติกับพรรคการเมืองด้วย เชื่อว่าหลายคนมีความตั้งใจในการแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง ซึ่งตนได้รับฟังแนวคิดและนโยบายมา ก็เห็นว่าเป็นเรื่องดีๆทั้งนั้น ดังนั้นก็สุดแล้วแต่ประชาชน และสุดแล้วแต่การประชุมทั้ง 2 สภา
“ขอร้องอย่างเดียว วันนี้เราทำอะไรก็ได้อย่างนั้น จะเขียนเฟซบุ๊กหรือเขียนโซเชียลให้รุนแรง ชมหรือว่ากันไปมาก็ไม่เกิดอะไรกับประเทศเลย แม้กระทั่งการเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตย ซึ่งทุกคนคาดหวังว่าเราต้องมีรัฐบาล ดังนั้นรัฐบาลหน้าต้องเป็นรัฐบาลที่ต้องทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เพราะทุกคนได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชน จึงคิดว่าทุกคนตั้งใจ และคิดใหม่ทำใหม่ให้ได้ เหมือนที่เราพยายามทำมาตลอด 5 ปี และไม่อยากให้หลายอย่างเกิดขึ้นแบบเดิมๆอีก ผมไม่เคยไปให้ร้ายใคร และคิดว่าทุกคนมีความตั้งใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนให้เกียรติทุกท่าน”
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีที่การวิพากษ์วิจารณ์รายชื่อส.ว.ที่มองว่าเป็นคนใกล้ชิดนายกฯและพลเอกประวิตร จึงมองว่าไม่ต่างจากสภาผัวเมีย โดยพลเอกประยุทธ์ หันกลับมาตอบว่า 5 ปีที่ผ่านมาเทียบกับก่อนหน้านั้นว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งออกกฎหมายมากว่า 500 ฉบับแล้ว และก่อนหน้าที่ออกมาได้กี่ฉบับ และได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์ไปทันที