พันตำรวจเอกศิริวัฒน์ ดีพอ ในฐานะโฆษกกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. แถลงจับนายชัยรัตน์ ยอดพรม หรือ ปู่มหามุนี อริยะดาบส ในคดีความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าภาพลามกเข้าสู่ระบบฯ และ พ.ร.บ.การพนัน หลังผู้ต้องหาท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจให้นำรถยนต์ไปรับตัว ตำรวจจึงนำรถพร้อมหมายจับไปแสดงจับกุมตัวที่บ้านพักย่านรามอินทรา
จากรณีปู่มหามุนีได้ร่วมไลฟ์สดผ่านเพจ นายเจริญศักดิ์ โพธิ์ศรีชัย หรือ ‘โทนี่’ ซึ่งเคยปรากฏตามข่าว ในฐานะนักธุรกิจร้านอาหารอิสาน โดยมีนางแบบสาวนุ่งน้อยห่มน้อยและมีการเชิญให้นายชัยรัตน์ ปู่มหามุนี มาร่วมแสดงท่าทางลักษณะคล้ายการร่วมเพศผ่านเพจ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์
นายชัยรัตน์ หรือปู่มหามุนี กล่าวว่า ตนจบเพียง ป.4 จึงไม่ทราบว่าการไลฟ์สดนัวเนียสาว และการชักชวนเล่นการพนันจะผิดกฎหมาย เมื่อมีคนว่าจ้างมาในราคา 4,000 บาท แต่เมื่อทราบว่าผิดกฎหมายก็พร้อมยอมรับผิด โดยอยากจะให้มองว่าเป็นการเข้าไปศึกษาชีวิตภายในคุกด้วยตนเอง เพราะตนเองเป็นคนจริง ทำจริง ชอบศึกษาจริง รวมทั้งอยากขอโทษประชาชน และวอนขออย่าลอกเลียนแบบพฤติกรรมดังกล่าว
ส่วนชื่อของตนนั้น มาจากการที่ตนเองเรียนกับพระมาโดยตลอด และได้บวชเรียน รวมทั้งเรียนภาษาบาลี ซึ่งชื่อก็ตั้งตามภาษาบาลี ยืนยันว่าตนเองไม่ใช่พระ หรือฤาษีแต่อย่างใด
ด้านพันตำรวจเอกศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการ บก.ปอท. ระบุว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ 3 ราย สามารถจับกุมตัวได้แล้ว 2 คน คือ นายชัยรัตน์ และหญิงสาวที่สวมใส่บิกินี่สีแดง ยังคงเหลืออีก 1 คนคือ ลุงโทนี่บุหรี่ทำเอง ที่ยังจะต้องติดตามจับกุมตัว จึงอยากฝากเตือนประชาชนว่า แม้จะไม่มีการโชว์ของลับ แต่มีการเต้นยั่วยุทางกามารมณ์เผยแพร่ทางสื่อโซเชียลก็เข้าข่ายความผิดเช่นกัน พร้อมฝากไปถึงผู้ที่ต้องการเป็นเน็ตไอดอล ขอให้เป็นแบบอย่างที่สร้างสรรค์สังคม ไม่ทำผิดกฎหมาย หากจะรับงานควรจะพิจารณาว่างานนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ มิฉะนั้นก็จะมีความผิดเช่นเดียวกัน
เบื้องต้นทางตำรวจบก.ปอท.จะควบคุมตัว นายชัยรัตน์ ยอดพรม หรือปู่มหามุนี อริยะดาบส อายุ 38 ปี เจ้าของสำนักสักยันต์ปู่มหามุนี ไปฝากขังที่ สน.ทุ่งสองห้อง จากนั้นในวันที่ 16 พ.ค. 2562 จะคุมตัวไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาต่อไป
‘Good to know’
ตามมาตรา 12(1) ผู้ใดจัดให้มีการเล่น หรือทําอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน หรือรับอนุญาตแล้วแต่เล่นพลิกแพลง หรือผู้ใดเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นอันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎกระทรวง หรือข้อความในใบอนุญาต ผู้นั้นมีความผิด ต่อไปนี้
(1) ถ้าเป็นความผิดในการเล่นตามบัญชี ก. หมายเลข 1 ถึงหมายเลข 16 หรือการเล่นตามบัญชี ข. หมายเลข 16 เฉพาะสลากกินรวบหรือการเล่นซึ่งมีลักษณะคล้ายกันน้ี ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท ด้วยอีกโสดหนึ่ง เว้นแต่ผู้เข้าเล่นหรือเข้าพนันที่เรียกว่าลูกค้า ให้จําคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
(2) ถ้าเป็นความผิดในการเล่นอื่นใดตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจําคุก ไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือท้ังจําทั้งปรับ เว้นแต่ความผิดตามมาตรา 4 ทวิ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือ ทั้งจําทั้งปรับ