การชุมนุม ข่าวการเมือง นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามใครประกาศปฏิวัติ!

ซัดปูดข่าวหวังระดมคน ฮึ่มห้ามม็อบชนม็อบ ขอคนไทยอย่าฆ่าแกงกันเองอีก ชี้มีบทเรียนมาแล้วอย่าให้เกิดซ้ำ ลั่นแกนนำต้องรับผิดชอบด้วย

Home / NEWS / พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามใครประกาศปฏิวัติ!

วันนี้( 23 พ.ย. 63) ที่ ที่ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงการการนัดชุมนุมของกลุ่มราษฎร ในวันที่ 25 พ.ย. ที่คาดว่าจะมีผู้ชุมนุม 2 ฝ่ายเผชิญหน้ากัน รัฐบาลจะดูแลอย่างไรเพื่อไม่ให้ปะทะกันอีก ว่า รัฐบาลพยายามห้ามไม่ให้มีการตีกันอยู่แล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องเคารพกฎหมาย ไม่ว่าจะตี ขว้าง หรือจะยิงไม่ยิงกันทั้งสองฝ่ายก็ต้องเก็บหลักฐานจากกล้องทั้งหมด โดยตนได้สั่งให้ดำเนินการไปทั้ง 2 ฝ่าย เพราะไม่ต้องการให้มีการตีกันอยู่แล้ว และยืนยันว่าไม่เคยเลือกปฏิบัติ ซึ่งการชุมนุมโดยอ้างสิทธิเสรีภาพนั้น สิทธิเสรีภาพก็ไม่ได้สงวนให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ดังนั้นทุกฝ่ายก็สามารถชุมนุมได้แต่ต้องไม่ตีกัน หากตีกันก็ถือว่าผิดทั้งหมด

นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้รัฐบาลต้องทำให้เกิดความสงบมากที่สุด ขณะเดียวกันต้องห่วงเจ้าหน้าที่ด้วย ที่ผ่านมาก็ถูกกระทำจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็มีครอบครัวและมีชีวิตจิตใจเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเว้นแต่ฝ่าฝืนมากๆก็ยอมรับไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ก็จะเป็นต้องรักษากฎหมาย และไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะทำอะไรก็ดูเหมือนผิดไปทั้งหมด แต่หากไม่มีเจ้าหน้าที่ไม่มีตำรวจทำงานแล้วใครจะทำ

ส่วนกรณีของคำสั่งของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ให้ระมัดระวังการ ระดมมวลชนจากพื้นที่ต่างจังหวัดเข้ามาร่วมชุมนุม มีรายงานด้านการข่าวว่าจะเข้ามามากหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ระบุว่า ตนคงไม่ต้องไปสั่ง และได้สอบถามไปแล้ว ก็ระบุว่าไม่ได้มีการสั่งการอะไรเช่นนั้น แต่เป็นการทำงานปกติอยู่แล้วที่ทุกคนและทุกหน่วยงานต้องมีการประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงไม่ใช่ประเมินเพื่อตน แต่เพื่อบ้านเมืองเพื่อความสงบสุขของประชาชนโดยรวม ดังนั้นการระดมคนอะไรต่างๆ เป็นการใส่ข้อมูลผ่านโซเชียล จึงขอให้พิจารณาว่าควรเชื่อหรือไม่

วันนี้ตนเห็นโซเชียลมีอีกฝ่ายเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะเฟซบุ๊กซึ่งเป็นการบิดเบือนเกือบทั้งหมด สร้างความขัดแย้งกันไปเรื่อยๆและสร้างอีกฝ่ายมาต่อสู้กัน ซึ่งตนไม่เห็นด้วยในเรื่องเหล่านี้ ดังนั้นจ้าหน้าที่มีการติดตามสถานการณ์ตามปกติและหามาตรการทำอย่างไรไม่ให้ปะทะกัน แต่บางครั้งเหมือนต้องการให้มีการปะทะ ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ไม่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ก็ปะทะกับคนสองฝ่าย เรามีบทเรียนมาแล้ว จึงไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ใครเป็นแกนนำก็ต้องรับผิดชอบดูแลให้ได้ ควบคุมกันให้ได้แล้วกัน

ส่วนกรณีมีการวิเคราะห์กันว่า มีความพยายามนำคนเสื้อเหลืองออกมาเคลื่อนไหวม็อบชนม็อบ เพื่อสร้างเงื่อนไขนำไปสู่การรัฐประหาร จะให้ความเชื่อมั่นอย่างไรว่าจะไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนคงไม่ต้องพยายามนำออกมา เพราะเชื่อว่าทุกคนคิดเองได้ ซึ่งเราก็ไม่สามารถไปสงวนได้ว่ากลุ่มไหนสามารถออกมาได้หรือไม่ได้ หลายอย่างที่ออกมาก็สามารถดูได้ว่าออกมาได้อย่างไร การแสดงออกมาอย่างไร ไม่ว่าจะเรื่องของการใช้เครื่องเสียงแสงสีต่างๆ ยืนยันว่ารัฐบาลดูทั้งสองฝ่าย

“ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น ม็อบชนม็อบตั้งเงื่อนไข ผมเป็นรัฐบาล ผมเป็นนายกฯ ผมไม่อยากให้คนไทยต้องมาฆ่าแกงกันอีก ไม่อยากให้มีการใช้ความรุนแรงกันอีก โดยเฉพาะสถานการณ์โควิดในวันนี้ เศรษฐกิจก็มีปัญหาอยู่แล้วหลายอย่างก็พยายามขับเคลื่อนอยู่ คนส่วนใหญ่ก็ยังประกอบอาชีพเขาอยู่ แต่คนส่วนหนึ่งที่จะแก้ปัญหาทางการเมืองก็อีกกลุ่มหนึ่ง คนไทยก็เป็นแบบนี้มีหลายกลุ่ม รัฐบาลก็ต้องดูว่าทำอย่างไรให้ทุกกลุ่ม มีความสงบเรียบร้อยมีความพึงพอใจในการทำงาน รัฐบาลจะคิดเอาเองไม่ได้ ต้องอาศัยกฎหมาย และรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ในปัจจุบันว่าจะทำยังไงตามกฎหมายเหล่านี้ คิดเองไม่ได้หรอกครับ”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

แกนนำราษฎรประกาศชัดเจนว่าจะเข้าไปใกล้ที่สุดกับสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบ แต่ฝากถามแกนนำกลับไปด้วยว่าทำไมถึงต้องเข้าไปให้ใกล้ที่สุด ซึ่งก็รู้ว่าจุดประสงค์ทำเพื่ออะไรก็ไปดูแล้วกัน ถามตนก็เท่านั้น


ส่วนเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก เพื่อไม่ให้เกิดการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ในวันที่25พ.ย.นี้หรือไม่ และนายกฯ จะยอมให้มีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า”เรื่องปฏิวัติ เรื่องกฎอัยการศึก มีใครประกาศได้บ้างไหมตรงนี้ มีไหม หรือใครจะประกาศได้ ในเมื่อผมไม่ประกาศ แล้วใครจะประกาศ เธอประกาศเองได้เหรอ หรือคนที่กล่าวอ้างประกาศเองได้ ก็ไม่เห็นมีใครเขาจะประกาศ ก็ชอบหาเรื่องระดมคนกันมาอยู่นั่นแหละ”

นายกฯ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า วันนี้ฝากทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบสุข ซึ่งทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องรัฐธรรมนูญหรืออะไรก็แล้วแต่อยู่ในกระบวนการทั้งหมดอยู่แล้ว.