นายอุดม ศิริสอน และนางแดง ศิริสอน สองสามีภรรยาในคดีบุกรุกป่า หรือที่รู้จักในชื่อ ตายายเก็บเห็ดได้รับพระราชทานอภัยโทษ
วันที่ 15 พ.ค. 2562 ที่ จ.กาฬสินธุ์ มีรายงานว่า มีชื่อของนายอุดม ศิริสอน และนางแดง ศิริสอน ในรายชื่อผู้ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
โดยก่อนหน้านี้ ทั้งสองตกเป็นจำเลยในคดีที่เรียกว่า “ตายายเก็บเห็ด” ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2553 โดยศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ตัดสินจำคุกทั้งสองคนละ 30 ปี ก่อนลดโทษเหลือ 15 ปีหลังจากนั้นทั้งคู่ ได้ต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณมีคำสั่งแก้จำคุกเป็น 14 ปี 12 เดือน กระทั่งในปี 60 ศาลฎีกาได้ตัดสินให้จำคุกคนละ 5 ปี ในคดีบุกรุกแผ้วถางป่าไม้และทำประโยชน์ในป่าสงวนแห่งชาติดงระแนง ตัดโค่นไม้สัก ไม้กระยาเลย ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามกว่า 700 ต้น แปรรูปกว่า 1,148 ท่อน ตามนัยมาตรา 97 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 ชัดเจน
นอกจากนี้ได้มีการสั่งเรียกเก็บค่าเสียหายต่อรัฐจากจำเลยทั้ง 2 ดังกล่าวเป็นค่าเสียหายเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ถูกบุกรุกทำลาย 72 ไร่ คิดเป็นค่าเสียหายต่อรัฐกว่า 2.5 ล้านบาท ซึ่งการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายเป็นเรื่องปกติ คดีบุกรุกป่าอายุความละเมิด ต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายภายใน 1 ปี หากกรมป่าไม้ไม่ฟ้องร้องจะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อีก อย่างไรก็ตาม หากพบว่าผู้กระทำผิดเป็นผู้ยากไร้ กรมป่าไม้ก็อาจหาช่องทางช่วยเหลือ ลดหย่อนตามเหตุสมควรต่อไป
อย่างไรก็ตามจากเดิมนายอุดม มีกำหนดพ้นโทษในวันที่ 14 พ.ค. 2563 และนางแดง มีกำหนดพ้นโทษวันที่ 18 ก.ย. 2563 เนื่องจากเป็นนักโทษชั้นดีทั้งคู่
สังคมแย้งเรียก ‘ตายายเก็บเห็ด’ ?
แม้สังคม จะติดหู คดีของนายอุดม ศิริสอน และนางแดง ศิริสอน ว่าคดี ‘ตายายเก็บเห็ด’ แต่การเรียกขานคดีดังกล่าวเช่นนี้ ทำให้สังคมวิจารณ์การขนานนามคดีดังกล่าว เนื่องจากทั้งคู่ได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในป่าที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งอยู่ในแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติและใช้อุปกรณ์เครื่องมือ ตัดและโค่นไม้สักไม้กระยาเลยที่เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก ออกจากต้นจำนวนมากโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และมิได้รับสัมปทานหรือได้รับยกเว้นใด ๆ ตามกฎหมาย ทั้งยังครอบครองไม้อีกจำนวนมาก โดยสองสามีภรรยา ให้การรับสารภาพ
ทำไมการเรียกผู้ก่อเหตุว่า ‘ตายาย’ จึงถูกสังคมคัดค้าน
ในขณะที่เกิดข่าวนี้ นายอุดม ศิริสอนมีอายุ 51 ปี และนางแดง ศิริสอนมีอายุ 48 ปี ซึ่งคนส่วนหนึ่งมองว่า หากมีอายุเท่านี้ไม่น่าเรียกว่าตายายได้ แต่มูลเหตุที่มีการเรียกทั้งคู่ว่าตายายนั้น เนื่องจากหลานสาวของผู้ก่อเหตุทั้งสอง เป็นคนเขียนหนังสือร้องทุกข์ไปยังคณะกรรมการสิทธิ์ จนเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นสังคม เมื่อสื่อเอามานำเสนอ จึงเรียกทั้งสองคนว่า ตายาย โดยในขณะนั้น ทั้งสองคนมีหลาน และมีศักดิ์เป็นตายายแล้วเช่นกัน
ทำไมสังคมถึงคิดว่าทั้งคู่เข้าป่าไปเก็บเห็ด ?
เป็นเวลาหลายวัน คือตั้งแต่ในช่วงเดือนกรกฏาคมปี 2553 ที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนที่ถูกแผ้วถาง โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ พบรถมอเตอร์ไซค์คันนึงในพื้นที่ป่าสงวน จึงส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบจนทราบเจ้าของรถ พบว่าเป็นรถของนายอุดม ศิริสอน และนางแดง ศิริสอน จึงเรียกทั้งสองมาสอบปากคำ โดยทั้งคู่ให้การว่าเข้าไปเก็บเห็ดในป่า แล้วจอดรถทิ้งไว้เพราะเห็นเจ้าหน้าที่มากันหลายคนก็ตกใจวิ่งหนีไป
อย่างไรก็ตาม ข้อหาที่ทั้งสองถูกดำเนินคดีไม่ใช่ข้อหาเก็บของป่า หรือเก็บเห็ด แต่ถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันบุกรุกและทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต เพราะทั้งสองอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุและมีการวิ่งหลบหนีการจับกุมไปพร้อมกันกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันตัดไม้ จึงถูกตั้งข้อหาว่าเป็นตัวการร่วมกับขบวนการตัดไม้ ซึ่งเป็นความผิดฐานบุุกรุกป่าสงวน