ข่าวจังหวัดสมุทรปราการ ข่าวสดวันนี้ น้องอาร์ม

2 โจ๋รุมฆ่า ด.ช.วัย 13 ปี มอบตัวแล้ว หลังหนีกบดาน ที่ สกลนคร

ความคืบหน้าจากเหตุการณ์สุดสลด ด.ช.วัย 13 ปี ถูกกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในอาการมึนเมาขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามประกบ ก่อนจะถีบรถล้มและใช้หินทุบจนเสียชีวิต โดยเหตุเกิดที่บริเวณซอยบางปลา 12 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2562…

Home / NEWS / 2 โจ๋รุมฆ่า ด.ช.วัย 13 ปี มอบตัวแล้ว หลังหนีกบดาน ที่ สกลนคร

ประเด็นน่าสนใจ

  • ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งสอง ถูกนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.บางพลี แล้ว

ความคืบหน้าจากเหตุการณ์สุดสลด ด.ช.วัย 13 ปี ถูกกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในอาการมึนเมาขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามประกบ ก่อนจะถีบรถล้มและใช้หินทุบจนเสียชีวิต โดยเหตุเกิดที่บริเวณซอยบางปลา 12 ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2562 ที่ผ่านมานั้น

วานนี้ (15 พ.ค. 2562) ได้มีรายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ต้องหาอีก 2 คน ซึ่งก็คือ นายวัชระ บุญลือ หรือแด็ก อายุ 22 ปี และนายกวีโชค เงาศรี หรือเศรษฐ์ อายุ 23 ปี ที่กำลังหลบหนีอยู่ ได้ติดต่อเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสกลนครแล้ว

ภายหลังทั้งคู่ได้หนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และทนต่อแรงกดดันไม่ไหว จากการที่ทั้งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุถึงแก่ความตาย

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้เปิดเผยถึงผลการสอบสวน แต่ขณะนี้ได้นำตัวส่งตัวกลับไปดำเนินคดีในท้องที่ สภ.บางพลีแล้ว ซึ่งหากมีความคืบหน้าทางทีมข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป

สำหรับในคดีนี้ ผู้ต้องหา 2 คนที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ได้อ้างว่า พวกเขาไม่ได้เป็นคนลงมือทำร้ายน้องอาร์มจนถึงแก่่ความตาย แต่เป็นคนเข้าไปดูน้องและห้ามปรามอีก 2 คนให้หยุด

โดยคนที่ก่อเหตุ คือนายเศรษฐ์ ที่หยิบหินมาจากเกาะกลางปาหินใส่น้องอาร์ม จากนั้น นายแด็กก็ขี่ จยย. มารับตน เพื่อมาดูน้องอาร์ม ที่นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน ตนก็บอกว่า พอแล้วๆ น้องเจ็บหนักแล้ว จึงพากันขี่รถหลบหนีไป

ขณะที่ คดีฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุถึงแก่ความตายนั้น ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ระบุว่า

“ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใด ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี”

ความผิดฐานนี้เริ่มมาจากเจตนาทำร้าย มิได้มีเจตนาฆ่า แต่ผลที่เกิดขึ้นจากการทำร้ายนั้นทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต จึงเป็นความผิดตามมาตรานี้ ยกตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ เช่น

ขับรถไล่ทำร้ายผู้ตายในระยะกระชั้นชิด ทำให้ผู้ตายต้องขับรถด้วยความเร็วเพื่อหลบหนีจนเกิดเหตุชนรถยนต์ที่จอดอยู่เสียชีวิต จึงต้องรับผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21379/2556

การที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ไล่ทำร้ายผู้ตายกับพวกในระยะกระชั้นชิดโดยถือไม้ถูพื้นชูออกนอกรถยนต์เพื่อข่มขู่ผู้ตายกับพวกไปตลอดทาง โดยมีเจตนาจะทำร้ายผู้ตายกับพวก

และผลจากการกระทำดังกล่าวทำให้ผู้ตายต้องขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงเพื่อหลบหนีการถูกไล่ทำร้ายจนเกิดเหตุชนกับรถยนต์กระบะที่จอดอยู่ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับอันตรายสาหัสและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา

จำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายตาม ป.อ. มาตรา 290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2503
จำเลยใช้กำลังทำร้ายโดยแรง เป็นเหตุให้ศีรษะผู้ตายฟาดหรือกระแทกกับพื้นถนนเข็งกระโหลกศีรษะแตกถึงตาย เป็นผลที่บังเกิดอันเนื่องจากการกระทำของจำเลย จำเลยย่อมมีผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา

ข้อมูลข่าวบางส่วนจาก http://www.bangkok.go.th และ สถานีตำรวจภูธรเมืองสกลนคร