ชาวชิลีจำนวนมากได้ออกมารวมตัวกันประท้วง เพื่อขับ เซบาสเตียน พิเนรา ประธานาธิบดี ให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้ทำมารวมตัวกันที่ถนนสายหลักในกรุง Santiago เมืองหลวงของประเทศชิลี โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้เรียกร้องให้ เซบาสเตียน พิเนรา ลาออกจากตำแหน่ง
โดยทางรัฐบาล ตั้งแนวของเจ้าหน้าที่ตำรวจใน บริเวณใกล้กับ Moneda presidential palace เพื่อเป็นแนวสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งก็ได้มีการฉีดน้ำ และใช้แก๊สน้ำตา เพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุม และมีการประกาศเคอร์ฟิวส์ตั้งแต่เวลา
สาเหตุของการเรียกร้องในครั้งนี้ เนื่องจากความต้องการให้นาย เซบาสเตียน พิเนรา ประธานาธิบดี ให้ลาออก หลังจากที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประเทศชิลีได้รับการลงประชามติด้วยคะแนนเสียงเกือบ 80% ในการรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แทนร่างฉบับเดิม
อีกทั้งความล้มเหลวในการบริหารงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม สวัสดิการ การศึกษา และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะในปมเรื่องของค่าแรงขั้นต่ำ ที่มีการปรับเพิ่มจาก 1.13 เป็น 1.17 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 1.2 บาท ต่อชั่วโมง เมื่อช่วงเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนจึงรวมตัวกันประท้วง เพื่อเรียกร้องต่อรัฐบาล
หลังจากที่ได้ออกมาประท้วงกันในครั้งนั้น นำไปสู่ความรุนแรงในการจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยหลายฝ่ายต่างระบุว่า เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และเป็นความรุนแรงที่เกิดจากเจ้าหน้าที่ โดยทางผู้ประท้วงระบุว่า มีเด็กรายหนึ่งถูกยิงโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นาย Victor Perez รมต.มหาดไทยของชิลีก็ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากมีประเด็นในเรื่องของการใช้กำลังตำรวจจัดการกับกลุ่มผู้ประท้วงในช่วงที่ผ่านมา ที่หลายฝ่ายต่างออกมารุมประนามว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
สำหรับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ชาวชิลีได้รวมตัวกันเรียกร้องให้มีการแก้ไขตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับเดิมมีการประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2523 หรือเมื่อ 40 ปีก่อน และเป็นการร่างโดย เอากุสโต ปิโนเช อดีตประธานาธิบดีของชิลี ที่ถูกขนานนามว่า เป็นรัฐบาลเผด็จการ