ประเด็นน่าสนใจ
- al-Masri ผู้นำลำดับที่ 2 ของกลุ่มอัลกออิดะฮ์ ถูกสังหารแล้วในอิหร่าน
- ตามรายงานระบุว่า เป็นการขับมอเตอร์ไซค์ประกบยิง
- สำหรับ al-Masri เป็นหนึ่งในผู้ที่ทางการสหรัฐฯ ต้องการตัว เนื่องจากเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในเหตุการณ์ระเบิดสถานทูตสหรัฐฯ 2 แห่ง เมื่อปี 1998
ล่าสุด –
อิหร่านปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า ข่าวการเสียชีวิตของผู้นำ ลำดับที่ 2 ของอัลกออิดะฮ์ ในอิหร่าน ที่อ้างเป็นฝีมือของสายลับอิสราเอลนั้น เป็นพล็อตของหนังในฮอลลีวูดเท่านั้น
ซึ่งกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะฮ์ เป็นผลมาจากนโยบายของสหรัฐฯ และพันธมิตรที่ผิดพลาดในภูมิภาคนี้ เพียงเพื่อปัดความรับผิดชอบเหล่านั้น นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังคงกล่าวหาอิหร่านเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของสงครามข่าวสาร-จิตวิทยา
นอกจากนี้ยังได้มีการตำหนิไปยังนิวยอร์กไทม์ด้วยว่า ไม่ควรนำเสนอเรื่องหลอกลวงดังกล่าว
(ที่มา – กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน)
สำนักข่าว NYT รายงานว่า Abdullah Ahmed Abdullah ผู้นำในการสั่งการลำดับที่ 2 ของเครือข่ายอัลกออิดะฮ์ ได้ถูกสังหารแล้ว โดยชาย 2 คนที่ขับมอเตอร์ไซค์ในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน
นาย Abdullah Ahmed Abdullah หรือเป็นที่รู้จักกันในนามของ Abu Muhammad al-Masri หนึ่งในผู้นำในการสั่งการลำดับที่ 2 ในเครือข่าย อัลกออิดะฮ์ ที่หลายฝ่ายระบุว่า เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำในปัจจุบัน
ในรายงานได้ระบุว่า ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา al-Masri ได้ขับรถยนต์พร้อมลูกสาว ซึ่งเป็นภรรยาม่าย ของ Hamza bin Laden ลูกชายบิน เลเดน ทั้งคู่เดินทางออกจากที่พักในกรุงเตหะราน ก่อนที่จะมีชายสองคนขับรถมอเตอร์ไซค์ประกบยิง ทำให้ทั้งคู่เสียชีวิต
ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานยืนยันว่า สหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องในปฏิบัติการสังหารในครั้งนี้ มีเพียงรายงานเบื้องต้นที่ระบุ เพียงว่า สหรัฐฯ ได้มีความพยายามในการติดตามตัวนาย al-Masri มาระยะหนึ่งแล้ว
สาเหตุที่สหรัฐฯ ต้องการตัวนาย al-Masri นั้นเนื่องจากถูกระบุว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการวางระเบิดสถานทูตสหรัฐฯ 2 แห่งในแอฟริกา เมื่อปี 1998
ครบรอบ 22 ปี เหตุระเบิดใน เคนยา-แทนซาเนีย
หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุว่า วันที่เกิดเหตุสังหารนาย al-Masri แกนนำกลุ่มอัลกออิดะฮ์ ในครั้งนี้ คือวันที่ 7 ส.ค. ซึ่งตรงกับวันที่กลุ่มอัลกออิดะฮ์ได้ระเบิดสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา และสถานทูตสหรัฐฯ ในเมืองดาร์ เอส ซาลาม ประเทศ แทนซาเนีย เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 1998 หรือ ครบ 22 ปีเหตุการณ์ดังกล่าวพอดี
โดยเหตุระเบิดทั้ง 2 แห่งในครั้งนั้น มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 คน ซึ่งเป็นชาวอเมริกันจำนวน 22 คน และยังมีผู้บาดเจ็บกว่า 4000 คน
ภายหลักการเกิดเหตุดังกล่าว สหรัฐฯ ได้ระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมหลักฐาน และค้นหาผู้ก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งหลักฐานทั้งหมดระบุตรงกันว่า เป็นฝีมือของ อัลกออิดะฮ์ และมีการจับกุมตัวผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้กว่า 20 คน ซึ่งบางส่วนยังคงได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต อยู่ในเรือนจำสหรัฐฯ
โดยรายชื่อผู้ก่อเหตุในครั้งนั้น มีระบุถึงผู้บงการอย่าง
- Usama bin Laden
- Abdullah Ahmed Abdullah
- SAIF AL-ADEL
- AYMAN AL-ZAWAHIRI