ซีอุย

ทนายชี้ ตามกฎหมายไม่สามารถนำร่าง ‘ซีอุย’ มาสตาฟได้

ประธานเครือข่าย ทนายคลายทุกข์ ระบุ ตามกฏหมายไม่สามารถนำร่างซีอุยมาจัดโชว์ในพิพิธภัณฑ์ได้ ชี้ในอดีตมีช่องโหว่ทางกฏหมายทำให้คดีจบเร็ว เปรียบเทียบหากใช้กฏหมายปัจจุบัน ซีอุยอาจรอด นายเดชา กิติวิทยานันท์ ประธานเครือข่าย ทนายคลายทุกข์ กล่าวถึงกรณีเว็บไซต์ change.org มีการล่ารายชื่อนำร่างของนายซีอุย แซ่อึ้ง…

Home / NEWS / ทนายชี้ ตามกฎหมายไม่สามารถนำร่าง ‘ซีอุย’ มาสตาฟได้

ประธานเครือข่าย ทนายคลายทุกข์ ระบุ ตามกฏหมายไม่สามารถนำร่างซีอุยมาจัดโชว์ในพิพิธภัณฑ์ได้ ชี้ในอดีตมีช่องโหว่ทางกฏหมายทำให้คดีจบเร็ว เปรียบเทียบหากใช้กฏหมายปัจจุบัน ซีอุยอาจรอด

นายเดชา กิติวิทยานันท์ ประธานเครือข่าย ทนายคลายทุกข์ กล่าวถึงกรณีเว็บไซต์ change.org มีการล่ารายชื่อนำร่างของนายซีอุย แซ่อึ้ง ที่ถูกสตาฟและจัดแสดงโชว์ภายในพิพิธภัณฑ์ศิริราชออกจากการจัดแสดงโชว์ ว่า ความแตกต่างกันในแง่อของกฏหมายการทำคดี แตกต่างกันในส่วนของกฏหมายพยาน และคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหามากขึ้น ปัจจุบันคำสารภาพในชั้นจับกุมไม่สามารถนำมาตัดสินผู้ต้องหาได้ แต่เมื่อ60ปีที่แล้ว หากผู้ต้องหารับสารภาพ ก็จะง่ายต่อการสืบพยาน ถือเป็นช่องโหว่ใหญ่ในการสืบคดีสมัยก่อน

ตามกฏหมายไม่สามารถนำร่างของผู้ที่ถูกประหารชีวิตไปแล้วมาสต๊าฟไว้ได้ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อได้รับโทษแล้วความผิดก็จะหมดไป คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนควรเข้าไปดูแลในส่วนนี้ ส่วนเหตุผลที่นำมาสต๊าฟและจัดโชว์ ตนไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อาจเป็นไปได้ว่าทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ หรือประโยชน์ในการศึกษา

นอกจากนี้ ทนายเดชายังพูดถึงระบบพิจารณาพิพากษาคดีของไทยที่เป็นระบบกฏหมายลายลักษณ์อักษร โดยเปรียบเทียบกับระบบลูกขุนที่หลายประเทศใช้กัน ว่า ระบบลูกขุนดีกว่าระบบที่ประเทศไทยใช้ขณะนี้ เพราะจะมีหลากหลายอาชีพต่างๆในสังคมมาร่วมพิจารณาคดี จากนั้นจึงให้ผู้พิพากษานำมาเทียบเคียงกับกฏหมายว่าจะถูกลงโทษมากน้อยเพียงใด แต่ระบบกฏหมายลายลักษณ์อักษรของประเทศไทยสิทธิการตัดสินคดีจะอยู่ที่ผู้พิพากษาคนเดียว ซึ่งข้อมูลบางอย่างอาจคลาดเคลื่อนได้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันศาลของไทยอยู่ระหว่างการปรับตัว โดยการรับผู้ที่จบสาขาวิชาชีพอื่นมาเป็นผู้พิพากษา ซึ่งย้อนกลับไปหากมีระบบลูกขุน อาจทำให้ซีอุยชนะคดีได้ จากพยานหลักฐานต่างๆที่มี และศาลจะไม่ฟังแต่คำรับสารภาพ