ประเด็นน่าสนใจ
- วัยรุ่นทำร้ายกันในงานบุญบั้งไฟที่ยโสธรจนมีคนบาดเจ็บ จากนั้นได้ตามมาทะเลาะกันต่อในโรงพยาบาล จนมีคนเจ็บเพิ่ม
- คนร้ายที่ก่อเหตุเข้ามอบตัวแล้ว ด้านตำรวจเตรียมเอาผิดถึงที่สุด
- การก่อเหตุทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาลถือว่ามีความผิดในทางอาญา โดยก่อนหน้านี้ศาลได้มีคำวสั่งตัดสินจำคุกผู้ก่อเหตุ 12 เดือน จากคดีดังกล่าว
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีความคืบหน้ากรณี สื่อได้นำเสนอข่าว เหตุชายจำนวน 1 รายได้ถูกวัยรุ่นทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ ภายในบริเวณโรงพยาบาลสมเด็จพยุพราชเลิงนกทา จ.ยโสธร จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายในสื่อออนไลน์ ว่า
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2562 ได้มีการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟประจำปี หลังจากเลิกงานเวลาประมาณ 01.30 น. ได้มีเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน ระหว่างกลุ่มวัยรุ่นสองกลุ่ม เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล เพื่อทำการรักษา
ต่อมาเวลาประมาณ 03.00 น. ในระหว่างที่ผู้บาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว รับการรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉินภายในโรงพยาบาลสมเด็จพยุพราชเลิงนกทานั้น ได้มีกลุ่มญาติของทั้งสองฝ่ายมาเยี่ยมที่บริเวณถนนทางขึ้นด้านหน้าห้องฉุกเฉิน
โดยมีผู้ต้องหาเป็นชายจำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ได้พบกับนายแสนชัย เพื่อนของคู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บอีกฝ่าย ซึ่งได้เดินทางมาเยี่ยมเช่นเดียวกัน จากนั้นผู้ต้องหาใช้กำลังทำร้ายร่างกายนายแสนชัย โดยการชกต่อยที่บริเวณใบหน้าจำนวน 1 ครั้ง
เป็นเหตุให้นายแสนชัย ล้มลง ได้รับบาดเจ็บและได้วิ่งหลบหนี โดยในระหว่างนั้นได้มีกลุ่มญาติของนายแสนชัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่อยู่บริเวณนั้น ได้วิ่งเข้าไปช่วยกันสกัดกั้นไล่จับตัวผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหานั้นสามารถหลบหนีไปได้
ภายหลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้สอบคำพยานไปจำนวนหนึ่ง รวมถึงได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนั้นได้ลงพื้นที่หาเบาะแสคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ รวมถึงตรวจสอบรวบรวมข้อมูลกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณที่เกิดเหตุ
ก่อนที่เวลาต่อมาวันนี้ 20 พฤษภาคม 2562 เวลาประมาณ 09.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวผู้ต้องหาซึ่งก่อเหตุเป็นชายจำนวน 1 รายได้แล้ว โดยผู้ต้องหา ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน
โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ซึ่งให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นจึงได้ดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้แล้ว พร้อมกันนี้ขอฝากเตือนไปยังกลุ่มวัยรุ่นที่มักใช้ความคึกคะนองและอารมณ์ในการตัดสินแก้ไขปัญหา ไม่เคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง
และฝากผู้ปกครองช่วยใส่ใจดูแลอบรมบุตรหลาน ปลูกฝังการตระหนักคิดให้รอบคอบและหาทางออกอย่างสันติวิธี เพราะหากได้กระทำลงไปโดยไม่ทันยั้งคิดแล้วย่อมมีความผิดและต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด