วอชิงตัน, 11 พ.ย. (ซินหัว) — เมื่อวันอังคาร (10 พ.ย.) เจ้าหน้าที่เพนตากอนหลายคนยื่นลาออกจากตำแหน่ง หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลดมาร์ก เอสเปอร์ พ้นจากเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ
แถลงการณ์ระบุว่าเจ้าหน้าที่ที่ลาออก ได้แก่ เจมส์ แอนเดอร์สัน รักษาการปลัดกระทรวงกลาโหมฝ่ายนโยบาย โจเซฟ เคอร์แนน ปลัดกระทรวงกลาโหมฝ่ายข่าวกรองและความมั่นคง และเจน สจวร์ต เสนาธิการกระทรวงกลาโหม แต่เดวิด นอร์ควิสต์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหม ยังคงดำรงตำแหน่งและบริหารงานที่รับผิดชอบต่อไป
ทรัมป์โพสต์บนทวิตเตอร์เมื่อวันจันทร์ (9 พ.ย.) ว่าเขาสั่งปลดเอสเปอร์ออกจากตำแหน่ง พร้อมแต่งตั้งคริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ รับตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีกระทรวงฯ แทน ซึ่งมิลเลอร์เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองและรองผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมฝ่ายปฏิบัติการพิเศษและการต่อต้านก่อการร้าย
อนึ่ง การปลดและการลาออกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หลายคนเกิดขึ้นหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ราวหนึ่งสัปดาห์
โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ประกาศชัยชนะในการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเริ่มต้นขั้นตอนการเปลี่ยนผ่านในทำเนียบขาวแล้ว ขณะที่ทรัมป์ยังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และกำลังเตรียมฟ้องร้องต่อศาลเรื่องผลเลือกตั้ง
อดัม สมิธ สมาชิกพรรคเดโมแครตและประธานคณะกรรมาธิการด้านอาวุธของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ (House Armed Services Committee) แสดงความเห็นว่าการปรับเปลี่ยนตำแหน่งระดับสูงในกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ในช่วงการเปลี่ยนผ่านประธานาธิบดีนั้นอันตรายอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นหน่วยงานขนาดใหญ่ที่สุดของรัฐบาลสหรัฐฯ มีส่วนช่วยต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในประเทศ
ที่มา – ซินหัว
