ครอบครัวหละญาติของ ‘น้องนนท์’ วอนนายกรัฐมนตรีให้ความเป็นทำ หลังลูกชายเป็นทหารเกณฑ์แต่เสียชีวิตภายในค่ายทหาร
วันนี้ (23 พ.ค. 62) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 88 บ้านโซงเลง หมู่ 10 ต.หนองม้า อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นที่ตั้งศพของพลทหารลือชานนท์ นันทบุตร อายุ 22 ปี ที่เสียชีวิต อยู่ในค่ายกองพันทหารสารวัตร สำนักกองบัญชาการกองบัญชาการกองทัพไทย และญาติได้นำมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด
โดยนายคำแพง นันทบุตร อายุ 48 ปี พ่อของพลทหารลือชานนท์ เล่าว่า เมื่อบายวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา ตนได้รับแจ้งจากตำรวจสถานีตำรวจนครบาลประชาชื่นว่า บุตรชายได้เสียชีวิตแล้วภายในค่ายทหาร หลังจากทราบข่าวตนกับญาติได้เดินทางไปรับศพลูกชาย และได้เห็นสภาพศพของบุตรชายมีแผลฟกช้ำตามร่างกายจำนวนมาก
รวมทั้งได้เห็นภาพถ่ายขณะที่ศพลูกชายนอนเสียชีวิต และสวมรองเท้าแตะทั้ง 2 ข้าง ซึ่งเป็นจุดที่น่าสงสัยสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชายในครั้งนี้ นายคำแพง เล่าด้วยอาการโศกเศร้าว่า ตนมีลูกชายคนเดียว และลูกชายสมัคร ไปเป็นทหารเกณฑ์เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ซึ่งทราบว่าลูกขายถูกไฟฟ้าช็อต และตกตึกลงมาจากชั้น 6 ตกลงมาค้างอยู่ชั้นที่ 2 ของอาคาร ภายในค่ายกองพันทหารสารวัตร สำนักกองบัญชาการ กองบัญชาการกองทัพไทย สันนิษฐานว่า น้องนนท์ พยายามเข้าไปนอนในห้องพักชั้น 6 จึงปีนบันไดลิงจากชั้น 6 ลงมา เพื่อที่จะเข้าช่องทางหน้าต่าง แต่เกิดพลัดตกลงมา
จึงฝากวอนขอความเป็นธรรมนายกรัฐมนตรี ให้สอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนโดยเร็ว เพราะครอบครัวมีลูกชายเพียงคนเดียวมีนิสัยดี ร่าเริง และที่สำคัญได้สมัครเข้าไปเป็นทหารด้วย โดยขณะนี้ตนและญาติๆ ยังไม่ปักใจเชื่อว่าลูกชายจะเกิดอุบัติเหตุจากการตกตึกสูงและเสียชีวิตเอง
ด้านนางแสงเดือน เดิมทำรัมย์ อายุ 39 ปี อาของพลทหารลือชานนท์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงวันที่ 17 พ.ค. 62 หลานชายยังได้ติดต่อกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน อยู่ตลอดเพราะหลานเป็นนักกีฬาฟุตบอล ประกอบกับหลานเตรียมจะเดินทางกลับมาบ้านด้วยแต่ยังไม่ได้ขออนุญาตเนื่องจากติดช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์
ซึ่งในช่วงเวลา 20.00 น. ยังมีการพูดคุยและติดต่อกันตลอดกับหลานชาย จนถึงเวลา 21.00 น. หลานชายได้โทรศัพท์กลับมาหาพ่อที่บ้าน 6 สาย แต่พ่อไม่ได้รับสาย และเวลา 21.30 น. พ่อจึงได้โทรกลับแต่ก็ไม่มีใครรับสายแล้ว และหลังจากคืนวันนั้นก็ได้ติดต่อไปตลอดแต่ก็ไม่มีใครรับสาย จนกระทั่งพ่อของหลานชายได้รับการประสานจากตำรวจ สน.ประชาชื่น ว่าบุตรชายเสียชีวิตแล้ว
นางแสงเดือน เล่าต่อว่า เมื่อวันที่เดินทางไปรับศพหลานชาย ตนได้ไปดูสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งก็มีหลายจุดที่น่าสงสัย รวมทั้งได้พูดคุยกับเพื่อนๆพลทหารด้วยกัน แต่ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่รู้ ไม่เห็น อย่างไรก็ตาม ญาติๆ ได้รับแจ้งจากแพทย์โรงพยาบาลตำรวจว่า ขณะนี้ได้มีการเก็บหลักฐานเพื่อชันสูตรพลิกศพ อย่างละเอียดแล้ว ซึ่งจะทราบผลภายใน 45 วัน
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นจากพนักงานสอบสวนลงความเห็นว่า กระดูกสันหลังส่วนนอกท่อนที่ 3 หักเคลื่อนจากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก รวมทั้งเมื่อวันที่ไปรับศพนั้น ทางค่ายทหารสารวัตร สำนักกองบัญชาการ กองบัญชาการกองทัพไทย แจ้งกับญาติว่าผ่านไป 3 วัน เพิ่งพบศพในที่เกิดเหตุ จึงรีบแจ้งให้ญาติ-ครอบครัว เดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อฌาปนกิจศพพร้อมจองวัดให้เรียบร้อยแล้ว โดยไม่ต้องนำศพกลับบ้าน
โดยอ้างว่า ศพมีสภาพเน่าเปื่อยและอืด โดยกองทัพจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับนายคำแพงเป็นอย่างมากว่า เหตุใดจึงไม่ให้ญาตินำศพไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่บ้าน
เหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ครอบครัวสงสัยถึงสาเหตุการเสียชีวิตของพลทหารลือชานนท์ เนื่องจากทางค่ายทหารสารวัตร สำนักกองบัญชาการ กองบัญชาการกองทัพไทย ระบุว่า ตกตึกเสียชีวิตแต่ขัดแย้งกับผลชันสูตร จากโรงพยาบาลตำรวจ ระบุว่าสาเหตุการตายเพราะ “กระดูกสันหลังส่วนอกท่อนที่ 3 หักเคลื่อน จากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก”