ประเด็นน่าสนใจ
- ในการดีเบทครั้งสุดท้ายของผู้ท้าลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้ง 2 คน คือ โดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเดน
- หลังจากการดีเบท ในครั้งก่อน เกิดความวุ่นวาย ประท้วงกันไปมา ในครั้งนี้จึงมีการปรับให้มีข้อกำหนดในการปิดไมค์ เกิดขึ้น
- การดีเบทในวันนี้ (23 ต.ค. ) เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะทรัมป์ อยู่ในประเด็นมากขึ้น ไม่แทรกขึ้นระหว่างการดีเบท
ในวันนี้ 23 ต.ค. เป็นการดีเบทครั้งสุดท้ายระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ และโจไบเดน ในศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังร้อนระอุอยู่ในขณะนี้ ท่ามกลางปัญหาโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจ และความตึงเครียดระหว่างจีนในระยะเวลาที่ผ่านมา
โดยปมของการดีเบทในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย 6 หัวข้อหลัก ๆ ได้แก่ โควิด-19 , ความเป็นอยู่ของชาวอเมริกัน, เชื้อชาติต่าง ๆ ในสหรัฐฯ, ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ, ความมั่นคง, ความเป็นผู้นำ
นอกจากนี้ ยังได้มีข้อกำหนดให้ในแต่ละคำถาม แคนดิเดท ทั้ง 2 คนจะมีช่วงเวลา 2 นาที สำหรับการตอบโดยที่จะไม่ถูกรบกวน ในการตอบคำถามหลังจากที่เปิดไมค์ เมื่อผ่าน 2 นาทีไปแล้ว ก็จะเปิดไมค์ให้อีกฝ่ายหนึ่งสามารถตอบโต้ได้
ปมโควิด-19
ทรัมป์ :
สถานการณ์ของโควิด-19 ในขณะนี้ดีขึ้นแล้ว หลาย ๆ รัฐ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น รวมถึงการพัฒนาวัคซีนก็ใกล้จะสำเร็จแล้วเช่นกัน ซึ่งในสิ่งที่เกิดขึ้น ตนเองเข้าใจดี เพราะต้องเข้าไปรักษาตัวใน รพ.ด้วย แต่โควิด-19 ก็หายได้อย่างรวดเร็ว
ปัญหานี้เป็นปัญหาระดับโลก และทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งไม่สามารถที่จะล็อกดาวน์และให้คนหลบอยู่ในชั้นใต้ดินได้ และคนส่วนใหญ่ก็สามารถหายได้ ดังนั้นการชัตดาวน์เศรษฐกิจขนาดใหญ่จะได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง
Note : ทรัมป์ ระบุว่า โควิด-19 จะหายไป, วัคซีนกำลังจะมาในไม่กี่สัปดาห์
ไบเดน :
คนที่ต้องรับผิดชอบกับผู้เสียชีวิตกว่า 2 แสนคน เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ปธน. สหรัฐฯ ซึ่งการบอกว่าสถานการณ์นั้นดีขึ้น ก็ต้องเทียบกับต่างประเทศ สหรัฐฯ มีอัตราการติดเชื้อที่สูงกว่าหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากมาตรการที่ล่าช้า เช่น การกระตุ้นให้มีการสวมหน้ากาก ป้องกัน รวมถึงการเปิดเรียน เปิดสถานที่ต่าง ๆ เร็วเกินไป และการไม่แจ้งเตือนที่ดีพอ ทำให้การป้องกันที่เกิดขึ้นไม่มีประสิทธิภาพ จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2 แสนคน
นอกจากนี้ ฤดูหนาวกำลังจะมาถึงและหากไม่มีการป้องกันที่ดีพอ การระบาดจะเพิ่มสูงขึ้น
ปมความมั่นคงของประเทศ
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอื่น ๆ เช่น จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ โดยเฉพาะในรายงานที่เข้ามาว่า รัสเซีย – อิหร่าน มีเอี่ยวในการโหวตเลือก ปธน. ในสหรัฐฯ
ไบเดน :
ในการเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ทุกฝ่ายก็จะต้องได้รับผลกระทบเกี่ยวเนื่องกันไป ดังนั้นหลาย ๆ ประเทศจึงต้องเข้ามายุ่งในเรื่องนี้
ส่วนในเรื่องของการรับเงินจากรัสเซียนั้น ไบเดนปฏิเสธ ก่อนตอบโต้ว่า ทรัมป์ มีการจ่ายเงินภาษีให้กับจีน ผ่านธนาคารจีน ในขณะที่ไม่ได้มีการจ่ายภาษีให้สหรัฐฯ เลย (ปมการจ่ายภาษีของทรัมป์ก่อนหน้านี้ ที่มีการพูดถึงการเลี่ยงภาษีของทรัมป์) นอกจากนี้ยังระบุว่า ทรัมป์ ได้รับเงินจากรัสเซีย จีน จำนวนมากผ่านธุรกิจของทรัมป์ทั่วโลก
ส่วนประเด็นเกาหลีเหนือ โจ ไบเดนแสดงท่าที่แข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือ โดยระบุว่า ทรัมป์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ก่อการร้าย ซึ่งเกาหลีเหนือต้องเข้าร่วมในการลดอาวุธนิวเคลียร์ และคาบสมุทรเกาหลีต้องปลอดอาวุธนิวเคลียร์
ทรัมป์ :
ไบเดนมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซีย ซึ่งจากเอกสารของ FBI ระบุชัดเจนว่า ครอบครัวไบเดนรับเงินจากรัสเซียกว่า 3.5 ล้านเหรียญฯ (ซึ่งทรัมป์ มุ่งเป้าที่ลูกชายของไบเดน)
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังระบุว่า ตนเองไม่ได้มีความจำเป็นต้องรับเงินใครเพราะตนเองมีมากพอแล้ว ส่วนการเสียภาษีนั้น ก็มีการจ่ายอย่างถูกต้อง ในขณะที่ไบเดนเองต่างหาก ที่ทำเงินกับประเทศอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นยูเครน รัสเซีย จีน
ส่วนความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือนั้น ทรัมป์ระบุว่า เป็นไปด้วยดี และดีกว่าสมัยของโอบามาเสียด้วย
ปมเรื่องระบบสุขภาพ
[INFO.] โอบามาแคร์ คือกฎหมายที่ให้ประชาชนตั้งมีระบบประกันสุขภาพในการรักษา/เข้าถึงระบบสาธารณะสุข ซึ่งให้ปชช. ต้องมี (ซื้อ) ประกันสุขภาพ รวมถึงการบังคับให้นายจ้างต้องจัดหาประกันสุขภาพให้พนักงาน/ลูกจ้างอย่างเหมาะสม ครอบคลุม รวมถึงการให้บริษัทประกันห้ามเลือกปฏิบัติต่อผู้ซื้อประกันด้วย
ทรัมป์ :
ทรัมป์ ยังคงโจมตีในระบบ โอบามาแคร์ ว่าเป็นระบบที่ไม่ดี ส่งผลเสียต่อระบบประกันสุขภาพ ทำให้ต้องมีการยกเลิกไป โดยเฉพาะ individual mandate (ข้อกำหนดที่ต้องให้ ปชช.ซื้อประกันสุขภาพ) ที่ถูกยกเลิกไปเมื่อปี 2017 ซึ่งนโยบายของไบเดน กำลังทำลายระบบประกันสังคมของสหรัฐฯ
ไบเดน :
ชาวอเมริกันจะต้องได้รับการเข้าถึงระบบสุขภาพ ที่ดีและมีราคาไม่แพง ซึ่งจะต้องเป็นระบบสุขภาพที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งการยกเลิกโอบามาแคร์ ส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันที่ติดป่วยเป็นโควิด-19 ไม่สามารถเข้าถึงระบบสุขภาพได้เท่าที่ควร ดังนั้นระบบประกันสุขภาพจึงควรดีขึ้นมากกว่านี้ ในระดับพรีเมียม แต่ราคาที่ไม่แพง
ปมวิถีชีวิต-ผลกระทบของชาวอเมริกัน
ปัญหาการตกงานของประชาชน, ความหิวโหย ฯลฯ ท่ามกลางปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะจากโควิด-19 แต่กลับไม่มีแนวทางหรือนโยบายจากรัฐบาล จนผ่านไปหลายเดือน ปัญหาสังคม ฯลฯ
ทรัมป์ :
ระบุว่า เป็นปัญหาที่เกิดจาก Nancy Pelosi ไม่อนุมัติมัน ซึ่งจริงๆ แล้วตนเองมีแนวทาง/นโยบายช่วยเหลืออยู่
ส่วนทีทางไบเดนระบุว่า ไม่นับสนุนแนวทางของเดโมเครตนั้น เนื่องจากเป็นจำนวนเงินจำนวนจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหลายพันล้านเหรียญของคนทั้งประเทศ มาสนับสนุนคนกลุ่มเล็ก ๆ โดยเฉพาะกลุ่มผู้หลบหนีเข้าเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเดโมเครตซิตี้
ในประเด็นของค่าแรงขั้นต่ำ ทรัมป์ เห็นว่า การที่รบ.จะกำหนดนั้นไม่ถูกต้องเพราะแต่ละรัฐ เช่น นิวยอร์ก กับ อลาบามา มีความต่างกัน ควรให้แต่ละรัฐเป็นผู้กำหนด
ปัญหาเชื้อชาติ-สีผิว ในสหรัฐฯ ทรัมป์ได้โจมตีไปยังไบเดน ถึงประเด็นการจับชาวผิวสีเข้าคุก ในปี 1994 และยังเรียกชาวผิวสีว่า Superpredators (ซึ่งในคำเรียกชาวผิวสีนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่สมัย ปธน. โรนัลด์ เรแกน รวมถึงฮิลารี คลินตันด้วย )
ไบเดน :
ในส่วนของตนเองมีนโยบาย และพยายามนำเสนอ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน นอกจากนี้ไบเดนยังระบุด้วยว่า การช่วยเหลือต้องเป็นการ่วยเหลือชาวอเมริกันทุกคน ไม่มีการแบ่งแยกเป็นพื้นที่ของเดโมเครต หรือ รีพับริคกัน
ส่วนในมุมของค่าแรงขั้นต่ำนั้น ไบเดนเห็นว่า ควรกำหนดเริ่มต้นที่อย่างน้อย 15 เหรียญฯ ต่อชั่วโมง
ปัญหาการเหยียดเชื้อชาตินั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ที่เราไม่ควรเพิกเฉย ซึ่งทุกคนนั้นเกิดมาเท่าเทียมกัน พร้อมกับปฏิเสธว่า ไม่เคยเรียก Superpredators และจับชาวผิวสีเข้าคุกอย่างที่ทรัมป์อ้าง ในทางกลับกัน สิ่งที่กล่าวมาเป็นทรัมป์ต่างหาก
ปมการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
ทรัมป์ :
ในกรณีการถอนตัวจากความตกลงปารีส เกี่ยกวับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้น เนื่องจากผลกระทบหากสหรัฐฯ ลงนามดังกล่าวจะทำให้ผู้คนนับล้านตกงาน บริษัทต่าง ๆ ต้องปิดตัวลง และไม่แฟร์ ที่สหรัฐฯ จะลงนาม ท่ามกลายประเทศอื่น ๆ เช่น รัสเซีย จีน อินเดีย ยังคงสร้างมลภาวะ
ไบเดน :
ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เป็นปัญหาระดับโลก กระทบคนทุกคน จึงจำเป็นที่จะต้องคิดถึงมัน ซึ่งสหรัฐฯ ต้องเปลี่ยนเข้าสู่การใช้พลังงานสะอาด ที่ขับเคลื่อนด้วยนักวิทยาศาสตร์ กลุ่มสิ่งแวดล้อม และสหภาพแรงงานช่วยกันสร้างขึ้น
คำถามสุดท้าย :
จะบอกอะไรถึงผู้ที่ไม่เลือกตนเอง
(เป็นคำถามเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของทั้งสองคน)
ทรัมป์ :
เราจำเป็นจะต้องทำให้ประเทศประสบความสำเร็จก่อนจีน และสร้างมันขึ้นใหม่อีกครั้ง เราจะเดินหน้า มีผู้คนว่างงานจำนวนมาก ซึ่งเราต้องร่วมมือกันเพื่อความสำเร็จ และ เขา (หมายถึง ไบเดน) กำลังจะทำลายมัน
ไบเดน:
ผมจะเป็นคนที่พูดว่า ผมคือประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผมจะเป็นตัวแทนของพวกคุณทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนที่เลือกหรือไม่เลือกก็ตาม และมั่นใจได้ว่า เราจะก้าวไปข้างหน้าและทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น
การเลือกในครั้งนี้เป็นภาพลักษณ์ของประเทศ เหมาะสม มีเกียรติ น่านับถือ