เปิดใจผู้ดูแลหลวงพ่อคูณอย่างใกล้ชิดจนลมหายใจสุดท้าย
นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ ลูกศิษย์ก้นกุฏิ ของพระเทพวิทยาคม หลวงพ่อคูณ ปริสุทธิโธ ผู้คอยดูแลปรนนิบัติตลอดเวลามากว่า 10 ปี ได้เปิดใจว่า ตนได้คอยดูแลปรนนิบัติหลวงพ่อ พร้อมกับลูกศิษย์คนอื่นๆ มากว่า 10 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ได้ปรนนิบัติท่าน นั้น นายสมบูรณ์ หรือ ไก่น้อย กล่าวว่า ถือเป็นบุญ และวาสนา ที่ได้มีโอกาสได้รับใช้ท่านในภาคที่เป็นมนุษย์ ซึ่งช่วงที่ท่านได้พักจากการต้อนรับลูกศิษย์ แล้ว ท่านจะคอยสั่งสอนอยู่ตลอดเวลาว่า ให้เป็นคนดี อย่าเนรคุณผู้มีพระคุณ
ช่วงที่หลวงพ่อยังแข็งแรงท่านจะให้ลูกศิษย์เข้ากราบไหว้ หลังที่หลวงพ่อฉันเช้า และหลังฉันเพล วันละ 2 รอบ ซึ่งทุกครั้งจะมีลูกศิษย์เข้ามาเป็นจำนวนมาก หลวงพ่อจะบอกอยู่เสมอว่า “ทุกคนที่เข้ามาหากู นั้น เป็นผู้มีพระคุณทั้งหมด” ซึ่งทุกคนที่เข้ามาก็จะมาขอให้หลวงพ่อพรมน้ำมนต์บ้าง เหยียบโฉนดบ้าง เป่ากระหม่อมบ้าง เพราะความเลื่อมใสศรัทธา ลูกศิษย์ลูกหามานิมนต์ท่านไม่ว่าจะเป็นงานใดถึงท่านป่วยถ้าท่านพอไปได้ ท่านก็ต้องไป ท่านเป็นพระที่ง่ายๆ ท่านปล่อยวางไว้หมดแล้ว อันไหนที่ท่านหาเงินมาได้ ท่านมีแต่ให้ พระผู้มีแต่ให้ ไม่มีเรื่องทุกข์ใจ ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น”
นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ ลูกศิษย์ก้นกุฏิ ได้พูดถึงมุมเล็กๆของหลวงพ่อคูณ ว่า “หลวงพ่อจะมีมุมสนุกสนานกับลูกศิษย์ ที่คอยดูแล และลูกศิษย์ที่มากราบท่าน ในบางครั้ง คือหลวงพ่อจะชอบพูดคำหวน หรือคำผวน เช่นกับตน ทุกคนจะเรียกไก่โต้ง แต่หลวงพ่อจะเรียกสั้นๆว่า ไอ้ไก่ ท่านบอกว่ามึงชื่อไก่ตัวเดียวก็พอ แต่ที่เรียกประจำก็คือใช้คำหวน จะเรียกไอ้ก้อยไหน่ คือไอ้ไก่น้อย ท่านจะเรียกแบบนี้ตลอด
ส่วนเรื่องของขลังท่านไม่มี ท่านมีแต่คำสอน ซึ่งลูกศิษย์ลูกหาที่มาให้เคาะหัว เหยียบโฉนดหรือทุกๆอย่างนั่นคือเป็นความสบายใจ เป็นความศรัทธาของลูกศิษย์ลูกหา ท่านก็ทำให้ญาติโยมที่มาให้ท่านทำท่านก็ไม่ขัดใจ ท่านก็บอกว่าไปขายก็ต้องไปขายตามใจคนซื้อ ถ้าขายตามใจคนซื้อมันก็ขายง่ายหน่อย ถ้าขายตามใจเรามันก็จะขายยากท่านบอกแบบนี้ สมมุติว่าถ้าเอาโฉนดมาให้ท่านเหยียบท่านก็บอกว่ามึงเอาไปขายเลยเด้อ ขายตามใจคนซื้อถ้ามึงขาย 5 ล้าน เขามาขอมึงซื้อ 3 ล้านห้า มึงก็ขายไป เหมือนเป็นกุศโลบายให้กับ ลูกศิษย์ลูกหา”
นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ ยังได้เปิดใจถึงช่วงชีวิตสุดท้ายของหลวงพ่อคูณ ว่า “ในช่วงที่ท่านอาพาธ อยู่ที่โรงพยาบาลผมก็ได้อยู่กับหลวงพ่อตลอด ช่วงที่หลวงพ่อมีอาการอาพาธหนักๆ ท่านจะไม่แสดงให้เห็น ส่วนใหญ่เราจะเป็นคนสังเกตเอาเอง ถ้าถามว่าพ่อเจ็บไหม เราต้องสังเกตเอง เพราะท่านจะไม่บอกว่าท่านเจ็บไข้ได้ป่วย อาศัยถามว่าพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าพออยู่ได้ ก็แปลว่าท่านยังอยู่ได้อยู่ แต่ถ้าพอทนได้ นั่นคือท่านเริ่มมีอาการแล้ว ก็ต้องพาไปหาหมอท่านจะบอกแค่นี้ คือ “พออยู่ได้ และพอทนได้” ถ้าพอทนได้นี่คือป่วยแน่นอนแล้ว แม้กระทั่งตอนที่อยู่โรงพยาบาล หลวงพ่อจะไม่เคยมีบ่น หรือแสดงอาการเจ็บปวดให้เราได้เห็น
เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่ยังไม่ได้ป่วย ไม่ได้อาพาธ จะพูดย้ำแต่เรื่องตาย “ถ้าพ่อตายก็อย่าไปร้อง ไปโวยวาย เกิดมาทุกคนต้องตาย” การที่ได้มาอยู่กับท่าน ดูแลท่านถือว่าเป็นมงคลชีวิต ได้ปฏิบัติท่านในภาคที่เป็นมนุษย์ เพราะว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์และได้ปรนนิบัติพระ หลวงพ่อเปรียบเหมือนพระเวสสันดร หลวงพ่อท่านมีแต่ให้ นี่ก็ถึงเวลาของท่านแล้ว ท่านบอกตลอดเวลาว่า “ทุกชีวิตต้องมีเวลากำกับ มีเวลาจำกัด กูก็ตาย มึงก็ตาย” มาครั้งนี้ ตนจะอยู่จนกระทั่งถึงพิธีลอยอังคารที่จังหวัดหนองคาย อยากทำให้พ่อครั้งสุดท้ายให้ดีที่สุดโดยยึดหลักคำสอนของหลวงพ่อ คือ ให้ปล่อยวาง ท่านบอกตลอดตายแน่ๆ สักวันกูต้องตายกลายเป็นผีแน่ๆ ถ้าท่านตายท่านบอกไม่ให้ร้องไห้ ไม่ต้องร้อง ถึงจะร้องยังไงกูก็ตาย เรามีตัวแทนของหลวงพ่อ คือมีคำสอนของหลวงพ่อ ที่อยู่กับผมตลอดเวลา” นายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ ไอ้ก้อยไหน่ หรือไอ้ไก่น้อย ลูกศิษย์ที่ดูแลหลวงพ่อคูณจนลมหายใจสุดท้าย” กล่าว
ขอบคุณที่มา สวท.ขอนแก่น