กลับรถกะทันหัน ข่าวภูมิภาค รถชนกัน อุบัติเหตุ

เก๋งเลี้ยวกลับรถกะทันหัน ชน จยย. ที่ขี่ตามหลังมาร่างปลิว

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีการแชร์คลิปภาพอุบัติเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณ 4 แยกพลพิชัย ถ.ศรีภูวนารถใน ฝั่งขาเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงประมาณ…

Home / NEWS / เก๋งเลี้ยวกลับรถกะทันหัน ชน จยย. ที่ขี่ตามหลังมาร่างปลิว

ประเด็นน่าสนใจ

  • เหตุการณ์เกิดขึ้นวานนี้ 29 พ.ค. ที่ อ.หาดใหญ่
  • รถเก๋งเลี้ยวยูเทิร์นกลับรถกะทันหันใกล้กับ 4 แยกไฟแดง ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ตามหลังมาชนเข้ากับรถเก๋งคันดังกล่าว
  • ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีการแชร์คลิปภาพอุบัติเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณ 4 แยกพลพิชัย ถ.ศรีภูวนารถใน ฝั่งขาเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงประมาณ 10.50 น. ของวานนี้

โดยในช่วงดังกล่าวมีรถเก๋ง สีดำ ทะเบียน กจ-9223 สงขลา ซึ่งจอดชิดซ้ายอยู่ริมถนน จู่ๆก็ได้ออกรถ และพยามที่จะขับออกมาในลักษณะจะยูเทิร์นไปยังเลนฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นฝั่งขาออกจากตัวเมืองหาดใหญ่ แต่ปรากฏว่า เป็นจังหวะเดียวกับที่รถทางฝั่งที่ขับตามหลังมานั้นได้รับสัญญาณไฟเขียว และรถจักรยานยนต์ สีขาว คันหนึ่ง ได้พุ่งชนเข้ากับรถเก๋งคันดังกล่าวที่กำลังทำการกลับรถยูเทิร์นอยู่พอดี

จนทำให้คนขับรถจักรยานยนต์ได้รับแรงกระแทกจนตัวลอยคว้างตีลังกา และมานอนคว่ำหน้ากองอยู่กับพื้นถนนในทันที โดยที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกาย หรือช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ยังโชคดีที่ในช่วงเกิดเหตุไม่มีรถวิ่งสวนมา หรือมีรถขับตามหลังมาในระยะกระชั้นชิด ซึ่งอาจจะเป็นอุบัติเหตุหมู่ หรือมีการสูญเสียที่มากกว่านี้

ซึ่งหลังเกิดเหตุได้มีทั้งชาวบ้าน ผู้ใช้รถ และคนขับรถเก๋งคู่กรณี ซึ่งเป็นผู้ชาย ลงมาช่วยเหลือคนขับรถจักรยานยนต์รายนี้ ซึ่งทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายดลราเห็ม แดวามาลัย อายุ 25 ปี ชาว อ.ท่าแพ จ.สตูล โดยได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาจากการกระแทกลงกับพื้นถนน ก่อนที่ทางตำรวจสายตรวจ สภ.หาดใหญ่ ที่ขับผ่านมา จะช่วยอำนวยความสะดวกการจราจร และประสานหน่วยกู้ภัยเข้ามารับตัวผู้บาดเจ็บ

โดยการขับรถในลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง และเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยทั้งตนเองและผู้อื่น