ประเด็นน่าสนใจ
- เด็กหนุ่มวัย 18 ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่กลับต่อชีวิตให้กับคนอีก 6 คน หลังเขาไปบริจาคอวัยวะไว้กับสภากาชาดไทย
- ด้านครอบครัวตกใจ และยากจะยอมรับ แต่ก็พร้อมมอบร่างให้กับโรงพยาบาล เพื่อช่วยชีวิตคนตามเจตนารมณืของลูก
- เหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุการณ์เตือนใจสำหรับผู้ปกครองที่มีเด็กเล็ก ควรดูแลให้ดีอย่าคลาดสายตาเพราะอาจเกิดโศกนาฏกรรมสุดสลดขึ้นได้
- คุณสมบัติของผู้บริจาคอวัยวะ 1. ผู้บริจาคอวัยวะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี 2. เสียชีวิตจากสภาวะสมองตายด้วยสาเหตุต่าง ๆ 3. ปราศจากโรคติดเชื้อ และโรคมะเร็ง 4. ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, หัวใจ, โรคไต, ความดันโลหิตสูง, โรคตับ และไม่ติดสุรา 5. อวัยวะที่จะนำไปปลูกถ่ายต้องทำงานได้ดี 6. ปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี, ไวรัสเอดส์ ฯลฯ 7. กรุณาแจ้งเรื่องการบริจาคอวัยวะแก่บุคคลในครอบครัวหรือญาติให้รับทราบด้วย
วันนี้ (30 พ.ค. 2562) ผู้สื่อข่าว MThai ได้รายงานว่า ที่ จ.เชียงราย ได้เกิดเรื่องราวสุดประทับใจ และควรยกให้เป็นแบบอย่างในสังคมที่ควรเอาเยี่ยงอย่าง หลังจากคุณพ่อวัยอายุ 56 ปี รายหนึ่งได้ยกร่างของลูกชายที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุให้กับทางโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย
หลังจากทราบว่าลูกชายได้ไปทำเรื่องบริจาคร่างกายไว้แต่ไม่ได้บอกกล่าว แม้ว่าจะรู้สึกตกใจในเบื้องต้น แต่ก็ยอมรับและทำตามความตั้งใจของลูกเมื่อครั้งยังมีชีวิต ทราบชื่อคุณพ่อรายดังกล่าวคือ นายวัชระ อัมพุธ ขณะที่บุตรชายนั้นคือ นายพงศธร อัมพุธ อายุ 18 ปี บ้านเลขที่ 180 หมู่ 3 ต.หนองหล่ม อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา
โดยคุณพ่อนายวัชระ เผยว่า หลังลูกเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทางโรงพยาบาลได้ติดต่อมาแจ้งว่า ลูกชายได้ทำเรื่องบริจาคร่างกายกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยไว้ ตอนแรกก็แปลกใจและยังรับไม่ได้ แต่เมื่อทราบว่าร่างของลูกสามารถช่วยชีวิตคนต่อได้อีก 6 คน ตนจึงไม่ลังเลที่จะทำตามเจตนารมและความตั้งใจของลูก จึงได้ร่วมอนุโมทนาบุญ และอนุญาตให้แพทย์ได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ขณะที่ นางเสาร์คำ อัมพุธ อายุ 47 ปี ผู้เป็นแม่ของนายพงศธร กล่าวว่าปกติลูกชายเป็นคนดี ชอบทำบุญ และนิสัยเรียบร้อย ดูเงียบๆ เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนเมื่อยังเรียนหนังสืออยู่ในชั้นมัธยมศึกษาได้แอบไปทำเรื่องขอบริจาคอวัยวะโดยที่ครอบครัวหรือแม้แต่ตนไม่เคยรับรู้มาก่อน
กระทั่งได้มีจดหมายแจ้งตอบรับจากศูนย์รับบริจาคไปถึงบ้านทำให้ตนพึ่งได้รับทราบ ซึ่งครั้งแรกก็รู้สึกน้อยใจและไม่เห็นด้วยกับลูกเพราะเกรงจะเป็นลางร้ายแต่เมื่อทราบถึงความต้องการของเขาที่จะทำบุญและยังได้รับทราบจากแพทย์ด้วยว่าปัจจุบันมีผู้ที่ขาดแคลนอวัยวะเป็นจำนวนมาก ทำให้ได้ปรึกษาหารือกันแล้วก็อนุญาตเพื่อร่วมทำบุญกับเขาแล้ว
ด้านนายแพทย์สำเริง สีแก้ว รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวว่าทางโรงพยาบาลขอขอบคุณครอบครัวอัมพุธอย่างมาก ที่อนุญาตให้นายพงศธรได้บริจาคอวัยวะ เพราะถือว่าได้ประโยชน์ในช่วยเหลือผู้ป่วยให้รอดชีวิตได้อีกหลายราย ซึ่งถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่
เพราะสถานการณ์ผู้ป่วยทั้งประเทศในปัจจุบันพบว่ามีผู้ป่วยกว่า 6,241 รายที่จำเป็นต้องได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะโดยส่วนใหญ่เป็นอวัยวะไตถึง 6,000 กว่าราย รองลงมาคืออวัยวะตับ 247 ราย หัวใจและปอดอย่างละ 23ราย เป็นต้น
ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงแต่พบว่าบริจาคอวัยวะได้ในปี 2562 นี้เพียง 111 รายและมีผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะเพียง 255 ราย ซึ่งถือว่ายังไม่เพียงพอ ปัจจุบันโรงพยาบาลจึงได้มีการประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนในสังคมได้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้