ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ส.ส.ม้ง อนาคนใหม่

เปิดใจ ‘ลุงเก๊ง’ ส.ส.ม้งคนแรกของไทย ผู้พลิกโฉมวงการการเมือง

เรียกว่ากลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก หลังการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ที่ห่างหายไปนานนับ 5 ปี โดยเฉพาะกรณี “ลุงเก๊ง” ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์  ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 24 พรรคอนาคตใหม่ ที่ได้คะแนนเสียงถล่มทลายในการเลือกตั้งที่ผ่านมา…

Home / NEWS / เปิดใจ ‘ลุงเก๊ง’ ส.ส.ม้งคนแรกของไทย ผู้พลิกโฉมวงการการเมือง

ประเด็นน่าสนใจ

  • “ลุงเก๊ง” ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ เป็น ส.ส.ม้ง คนในแรกในประวัติศาสตร์ไทย
  • เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 24 ของ พรรคอนาคตใหม่
  • จบการศึกษาที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
  • ต้องการแก้ไขเรื่องที่ดินทำกิน ปากท้องของกลุ่มชาติพันธุ์

เรียกว่ากลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก หลังการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ที่ห่างหายไปนานนับ 5 ปี โดยเฉพาะกรณี “ลุงเก๊ง” ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์  ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 24 พรรคอนาคตใหม่ ที่ได้คะแนนเสียงถล่มทลายในการเลือกตั้งที่ผ่านมา สวมชุดม้งแสดงถึงกลุ่มชาติพันธุ์ที่ตนเองอยู่ เข้าร่วมประชุมสภาฯ ในครั้งนี้ด้วย ซึ่งถือเป็น ส.ส.ม้งคนแรกของประเทศไทย ที่ได้เข้าสภาอย่างสง่างาม

ทั้งนี้ “ลุงเก๊ง” เป็นชาวม้ง บ้านรวมไทย 17 หมู่บ้านทรัพย์เจริญ หมู่ 7 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก แต่เกิดที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง เริ่มต้นจากการเป็นพนักงานโรงแรม งานสนามบิน เรือสำราญ ที่ฝรั่งเศส ทำให้ได้เรียนรู้งานบริการ และมีโอกาสพบปะพูดคุยกับชาวต่างชาติ จึงส่งผลให้มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล แต่จุดเปลี่ยนในชีวิต คือ คุณแม่ป่วย เลยกลับไปดูแลที่บ้านเกิด และยึดอาชีพเกษตรกร ทำให้ได้เห็นความเหลื่อมล้ำ

จุดเริ่มต้นการก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน ‘พรคคอนาคตใหม่’

ลุงเก๊ง เผยว่า ตนเองรู้สึกสนใจในงานการเมือง รับรู้ว่าจะมีการเลือกตั้ง แต่ในอดีตพรรคการเมืองเก่าๆ มักไม่เปิดโอกาสให้พวกเราเท่าไหร่ ใช้เราเป็นดอกไม้ริมทาง หรือส่งเข้าเป็นผู้แทน และไม่ค่อยได้มาดูแลตามที่สัญญาไว้ แต่พรรคอนาคตใหม่มีนโยบายที่จะให้โอกาสและเปิดกว้างมาก หลังจากศึกษาข้อมูลทั้งหมด อนาคตใหม่ เป็นพรรคที่ตอบโจทย์เราที่สุดก็เลยเลือกที่จะมาสมัครเล่นการเมืองในพรรคนี้

ความรู้สึกหลังรู้ว่าได้รับเลือก คือ เราได้แบกภาระของกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมดไว้อยู่บนบ่า หนักอึ้ง เพราะเราเป็นตัวแทนที่พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทุกชาติพันธุ์ที่อยู่บนดอยฝากความหวังไว้กับเรา ปัญหาทุกอย่างเราคือตัวแทนผู้แทนราษฎรของเขาที่จะเป็นปากเป็นเสียง เอาปัญหาของเขามาสะท้อนมาพูดมาแก้ไขในสภา มีหลายอย่างที่ยังแก้ไขไม่ได้ บางปัญหาต้องแก้ในสภาเท่านั้นในข้อกฎหมายที่มันยังติดขัด

ปัญหาที่ต้องการผลักดันแก้ไขให้กลุ่มชาติพันธุ์

ลุงเก๊ง เล่าว่า สิ่งที่อยากแก้ไขอันดับแรก คือ เรื่องที่ดินทำกิน ปัญหาปากท้องพื้นฐานในการดำรงชีวิตของลูกหลาน ต้องมีที่ดินทำกิน เนื่องจากชาวม้งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม บางหมู่บ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ที่รัฐกำหนดให้เป็นพื้นที่ผิดกฎหมาย เพราะว่าก่อนหน้านั้นเขาอยู่มานานแล้ว แต่อยู่มาวันหนึ่งรัฐออก พ.ร.บ.ว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นของป่าสงวน ขีดเส้นหมู่บ้านเป็นพื้นที่ป่า ชาวบ้านที่อยู่ในนั้นกลายเป็นผู้ที่ผิดกฎหมาย จึงอยากให้แก้ไข

คนกับป่าอยู่ด้วยกันได้ เพราะเขาอยู่แบบนี้มานานแล้วตั้งแต่บรรพบุรุษ ว่าด้วยกฎปภิญญา เคารพอัตลักษณ์ของชาติพันธุ์ชนเผ่าที่เคยเป็นมา สิทธิในความเป็นตัวตนของเขา ทุกชาติพันธุ์ต้องเคารพซึ่งกันและกัน ควรที่จะไม่ไปละเมิดสิทธิ เพราะไทยก็เซ็นพันธสัญญานี้ด้วย จึงอยากให้คำนึงถึง เขาควรอยู่ในพื้นที่ที่ควรอยู่ได้

อีกเรื่องที่พบปัญหาบ่อยๆ คือ สัญชาติ มีอยู่บ้างที่ตกหล่น คนที่พิสูจน์ไม่ได้ การสัญจรจากตัวอำเภอไปยังหมู่บ้านห่างไกล บางทีใช้เวลาถึงครึ่งวัน ทำให้พ่อแม่ที่คลอด ต้องไปอำเภอหลายรอบ ต้องรับรองหลายขั้นตอน ทำให้บางทีก็ไม่ได้ไปแจ้งเกิดให้ลูก เมื่อลูกโตจึงเป็นปัญหาไร้สัญชาติ

หากเป็นปัญหาในอนาคตที่เด็กเก่งๆ ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากไม่มีสัญชาติ เราเข้าใจหลักการที่มีหลายขั้นตอน แต่อยากให้วางไว้และมองว่าเด็กคนหนึ่งควรได้สิทธิความเป็นมนุษย์ ได้เล่าเรียน ถ้ามีศักยภาพด้านไหนก็เต็มที่ เขาจะได้กลับมาพัฒนาบ้านเกิด ส่วนใหญ่เป็นปัญหาตั้งแต่พ่อแม่ เมื่อพ่อแม่ไม่ทำก็กลายเป็นปัญหาสืบถึงลูกหลาน

รู้สึกอย่างไรต่อกระแสการใส่ชุดชาวม้งเข้าประชุมสภาฯ

ลุงเก๊ง กล่าวว่า กระแสดังกล่าวสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่ายังมีคนที่ไม่รู้จักเรา ไม่เข้าใจเรา อาจจะเป็นภาพที่สื่อส่วนกลางเข้าใจเราเป็นแบบฉบับของเขา ต้องทำความเข้าใจว่า ตัวตนของเราแบบนี้นะ ชุดของเราเป็นชุดที่มีเกียรติและสุภาพ แสดงอัตลักษณ์ตัวตนของเรา เราให้เกียรติสถานที่ เพียงแต่เราบอกว่าตัวตนเราเป็นชาติพันธุ์นี้ แค่นั้นเอง

หากถามว่า สุภาพ หรือ ไม่สุภาพ ขอถามกลับว่า การแต่งกายสุภาพ คือ ใส่สูทได้อย่างเดียวใช่หรือไม่ แล้วทำไมประเทศพม่าเขาแต่งตัวตามอัตลักษณ์ของเขาได้ มันก็หาคำตอบไม่ได้ว่าสุภาพคือตรงไหน ทั้งนี้ ต้องยอมรับและให้เกียรติสภา เพราะเขาอนุญาตให้เข้า ซึ่งพิสูจน์ชี้ได้ว่า รัฐสภาไทยเปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายของชาติพันธุ์ สมกับที่ประเทศไทยเซ็นปภิญญากับสหประชาชาติ เรื่องสิทธิความเป็นมนุษย์ตัวตนของชาติพันธุ์ ถ้าไม่สุภาพรัฐสภาคงไม่ให้เข้าไปในสภาแล้ว

การเป็นผู้แทนราษฎรอุดมการณ์ต้องชัดเจน ไม่ใช่แค่อยากได้ตำแหน่งหรือชื่อเสียง อยากให้คนที่ตั้งใจเข้ามาเป็นตัวแทนของผู้แทนราษฎร ได้เป็นกระบอกเสียงให้คนที่มีปัญหาอยู่ด้านหลังเราจริงๆ ต้องพิสูจน์ให้เขาได้เห็นว่าคุณตั้งใจจริงๆ ที่จะมาทำงาน เพื่อพัฒนาประเทศ การมาทำงานด้านนี้ ควรคำนึงถึงหน่วยที่เล็กที่สุดคือหมู่บ้าน ควรคำนึงถึงปัญหาของเขาว่ามีอะไรบ้าง เรียนรู้ และตอบโจทย์วิธีแก้ปัญหาให้ได้ ถ้าตั้งใจจริงๆ จะมีโอกาส ถ้ามีโอกาสมาอยากให้เอาประชาชนที่เลือกเป็นตัวตั้งแล้วมาทำงานให้เขา