พรรคอนาคตใหม่ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เลือกตั้ง62

เลขาฯ “อนาคตใหม่” เปิดข้อกฎหมาย – ยันมีวิธีเดียวคำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

วิธีเดียวคำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ วันที่ 1 เมษายน 2562 ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวใน 3 ประเด็นได้แก่ 1.กรณีการอบรมว่าที่ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่…

Home / NEWS / เลขาฯ “อนาคตใหม่” เปิดข้อกฎหมาย – ยันมีวิธีเดียวคำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

วิธีเดียวคำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

วันที่ 1 เมษายน 2562 ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าวใน 3 ประเด็นได้แก่ 1.กรณีการอบรมว่าที่ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ และการลงนามสัตยาบันร่วมกัน 2. เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเปิดเผยผลคะแนนดิบรายหน่วย และ 3. ชี้แจงการคำนวนจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อตามกฎหมาย


|
โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า กฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 ตามมาตรา128 ระบุชัดเจนถึงวิธีคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ มีเพียงวิธีเดียว โดยใจความสำคัญ อยู่ที่วงเล็บ4 เมื่อนำคะแนนดิบมาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่พึงมี พรรคใดได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ถึง 1 คน ให้ตัดพรรคนั้นออกจากการคำนวณเทียบตามบัญญัติไตรยาง ดังนั้น กกต.ต้องยึดหลักการตามที่กำหมายกำหนด ซึ่งการยึดตามกฎหมายนี้ จะทำให้พรรคอนาคตใหม่มีจำนวน ส.ส.ทั้งสิ้น 87 คน โดยแบ่งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต 30 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 57 คน

นายปิยบุตร กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่ได้จัดอบรม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.มีการลงสัตยาบันร่วมกัน และฝากถึงพรรคการเมืองที่พยามแทรกแซง ส.ส.พรรคอนาคตใหม่เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวซึ่ง พรรคอนาคตใหม่มีการรวบรวมหลักฐานไว้ ส่วนกรณีการนำคลิปและภาพที่กล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ไปบิดเบือน

ตนยืนยันว่า คลิปดังกล่าวเป็นงานเสวนาทางวิชาการเมื่อปี 2556 รายละเอียดพูดถึงการปรับตัวของสถาบันกษัตริย์ในประเทศต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย ซึ่งการนำข้อความที่ตนบรรยายเมื่อ 6 ปีก่อน มาตัดใช้บางตอน โดยไม่ระบุว่าบรรยายในโอกาสใด เมื่อไร และยังใส่ตำแหน่งว่า เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พร้อมกับนำสัญลักษณ์พรรคอนาคตใหม่ไปติดในรูปภาพด้วย เป็นการแสดงเจตนาอันไม่สุจริตของผู้กระทำและการนำสถาบันกษัตริย์มาใช้โจมตีกันทางการเมือง

การคำนวณจำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตีลิสต์ (party list)

  1. (1) นำคะแนนรวมทั้งประเทศที่พรรคการเมืองทุกพรรคได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตหารด้วย 500 (ซึ่งเป็นจำนวนทั้งหมดของ ส.ส.ทั้งสภา)
  2. นำผลลัพธ์ตาม (1) ไปหารจำนวนคะแนนรวมทั้งประเทศ ของแต่ละพรรคการเมืองที่ได้รับจากการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตทุกเขต จำนวนที่ได้รับจะเป็นจำนวน ส.ส.ที่พรรคการเมืองจะมีได้
  3. นำจำนวน ส.ส.ที่พรรคการเมืองจะมีได้ ลบด้วยจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ทั้งหมดที่พรรคการเมืองนั้นได้รับ ผลลัพธ์คือจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นจะได้รับ
  4. ถ้าพรรคการเมืองใดได้ ส.ส.แบบแบ่งเขต เท่ากับหรือสูงกว่าจำนวน ส.ส.ที่พรรคการเมืองนั้นจะมีได้ ให้พรรคนั้นมี ส.ส.ตามจำนวนที่ได้รับจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต และไม่มีสิทธิได้รับการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ

และให้นำจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทั้งหมดไปจัดสรรให้แก่พรรคการเมืองที่มีจำนวน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งต่ำกว่าจำนวน ส.ส.ที่พรรคการเมืองนั้นจะมีได้ตามอัตราส่วน แต่ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดมี ส.ส.เกินจำนวนที่จะมีได้