ยังโอม ศิลปินหนุ่มยืนยัน! ไม่ได้มั่วสุมเสพยาในงานปาร์ตี้ และไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
วันที่ 1 มี.ค.2562 โอม หรือนายรัธพงศ์ ภูรีสิทธิ์ หรือ YOUNGOHM (ยังโอม) อายุ 20 ปี ศิลปินที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ในขณะนี้ ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีที่ถูก “โจ้” เจ้าของแฟนเพจเฟซบุ๊ก Spotlight Thailand อีกทั้งยังเป็นนักข่าวท้องถิ่น ภายในจ.ภูเก็ต ไลฟ์เฟซบุ๊กกล่าวหาว่า ยังโอม มีการมั่วสุมเสพยาในงานคอนเสิร์ต ที่บริษัทออแกไนซ์จัดปาร์ตี้ฉลองครบรอบ 50 ปี ให้กับแบรนด์ชื่อดัง และมีการล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จนทำไปสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์
สรุปกรณี ‘ยังโอม’ ศิลปินแรปเปอร์ มั่วสุมยาเสพติดในงานปาร์ตี้แบรนด์ชื่อดัง
โดยทางศิลปินหนุ่มยืนยันว่า ตนได้พูดคุยและเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับคู่กรณีแล้ว ยืนยันว่าตนไม่มีการมั่วสุมเสพยาภายในงาน และไม่ได้มีการล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี อย่างที่ถูกกล่าวหา ส่วนกรณีที่ถูกตำหนิว่า ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าไปในสถานที่จัดงานนั้น เนื่องจากสถานที่เป็นร้านอาหารริมหาด ที่สามารถให้บุคคลทุกวัยเข้าไปใช้บริการได้ กรณีการถูกกล่าวหาว่าใช้สารเสพติดนั้น เจ้าตัวเผยว่า เคยใช้กัญชา แต่ไม่เคยทดลองสารเสพติดอื่นใด และตอนนี้ได้เลิกขาดกับกัญชามาได้สักพักแล้ว และไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านี้อีก
แถลงการณ์โดยละเอียดมีดังนี้
เนื่องจากเหตุการณ์ที่คอนเสิร์ต 50 ปี #RipCurlThailand บางลา จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2019 ผมถูกกล่าวหาจากเพจดัง ซึ่งเป็นเพจ ของนักข่าวท้องถิ่น ภายในจ.ภูเก็ต ว่ามีการมั่วสุมเสพยา และ มีการล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานรองรับแต่อย่างใด
ในส่วนของสถานที่จัดงานในวันเกิดเหตุนั้น สถานที่เป็นร้านอาหารริมหาด ที่สามารถให้บุคคลทุกวัยเข้าไปใช้บริการได้ และ ห้องสำหรับรับรองศิลปิน ถูกจัดไว้ที่บริเวณชั้นลอย ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ไม่สามารถมีใครมานั่งเสพยา หรือ ล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้อย่างแน่นอน
ซึ่งในเวลาต่อมา ผมก็มิได้นิ่งนอนใจ จึงมีการประสานติดต่อกลับไปหาพี่ผู้สื่อข่าวเพจดังกล่าว โดยผมโทรไปเคลียร์กับทางพี่ผู้สื่อข่าว ถึงเรื่องงานวันนั้น เพราะผม และ ศิลปินท่านอื่นที่ได้รับการพาดพิง ต่างได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยผม และ พี่ผู้สื่อข่าว ก็สรุปกันได้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดความเข้าใจผิดกันแค่นั้นครับ
ส่วนเรื่องที่ผับที่บางลานั้น เป็นเรื่องบังเอิญที่ผมเองและทีมงานกำลังจะกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมพอดี ตอนกลับออกมาจากผับผมเดินผ่านรถตำรวจด้วยซ้ำ แต่ในตอนนั้นก็ยังไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น พอเดินถึงรถก็ขับออกมากับทีมงานตามปกติ จนได้ดูคลิปไลฟ์สดของเพจดังกล่าว ระหว่างที่กำลังนั่งรถกลับโรงแรม จึงได้เห็นพี่ผู้สื่อข่าว ของเพจดังกล่าวพูดจากล่าวหาผม ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงหลายอย่าง มีการพูดว่าจะตบกบาลผม ขู่ทำร้ายร่างกาย ผมจึงตัดสินใจกลับ กทม. ก่อนเพื่อตั้งหลัก และผมต้องการจะทราบสาเหตุของเรื่องที่เกิด จึงได้โทรไปหาพี่ผู้สื่อข่าว และเคลียร์กันดังที่กล่าวมาตอนแรก และเราได้ทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วครับ
ในกรณี “Catch me if you can” ผมโพสท์เป็นแคปชั่นในรูปรูปหนึ่งในอินสตาแกรม หลังจากที่ผมถึง กทม. ได้สักพักใหญ่แล้ว ไม่ได้โพสท์ในคืนที่เล่นคอนเสิร์ต และไม่มีการนำคำนี้ไปคอมเม้นในเพจดังกล่าวเหมือนที่ข่าวในหลายๆสำนักเสนอออกไปแต่อย่างใด เหตุผลที่ผมได้โพสแคปชั่นนี้พร้อมเชคอินที่ป่าตองมาจากความอัดอั้นจากเหตุการณ์ที่พบเจอมา ที่ผมถูกพูดกล่าวหาและทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ผมก็เสียใจกับเหตุการณ์การเข้าใจผิดที่เป็นผลกระทบมาจากการกระทำในลักษณะนี้ของผม
และผมเองก็ยอมรับไว้ตรงนี้เลยว่า ผมเคยใช้กัญชาจริง แต่ผมเองไม่เคยทดลองสารเสพติดอื่นใด นอกเหนือจากนี้ อย่างที่โดนกล่าวหาในตอนแรก โดยตอนนี้ผมเองก็เลิกขาดกับกัญชามาได้สักพักแล้ว และไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านี้กับตัวผมในอนาคตอีกต่อไป ขอบคุณทุกคนอีกครั้ง สำหรับเรื่องราวในครั้งนี้ ผมรู้เท่าถึงการณ์ทุกอย่าง แต่ก็ยังต้องปรับปรุงตัวอีกเยอะ ที่พลาดพลั้งไป ล่วงเกินไป ผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ และ ผมจะนำเหตุการณ์ในครั้งนี้ ไปปรับปรุงให้ดีขึ้นครับ
ขอบคุณแฟนๆ ทุกคน ที่ยืนอยู่ข้างๆ กันมาตลอด ผมอาจไม่ใช่คนที่ดีที่สุด และ อาจทำให้บางคนผิดหวัง ผมอยากให้ทุกคนจำไว้เสมอว่า จงเอาสิ่งดีๆจากผม ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด สิ่งที่พิจารณาแล้วว่า ผมทำไม่ดีก็ทิ้งมันไว้ที่ผม ผมเชื่อว่าไม่มีใครบนโลกนี้เพอร์เฟค แต่เราต้องทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน ส่วนผมก็จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นเหมือนกัน ตัวผมเองไม่ได้หวังให้ทุกคนมาเข้าใจ แต่ขอแค่รับฟังผม ผมเปิดใจรับฟังทุกคนครับ ขอแค่ใช้ถ้อยคำที่ให้เกียรติผม เหมือนที่ผมให้เกียรติคุณก็พอ ด้วยความเคารพ