เวียนกลับมาอีกครั้ง สำหรับการเกณฑ์ทหาร ซึ่งในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ตามกฎหมายชายไทยที่มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จะต้องเข้ารับราชการทหารตรวจเลือกทหาร หรือการเกณฑ์ทหารตามกำหนด
ปีนี้กองทัพบกได้ทำการเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ ระหว่างวันที่ 1-2 เม.ย. 62 (ยกเว้น 6 เม.ย.) และช่วงนี้หลายพื้นที่คึกคักเป็นพิเศษ เพราะได้มีชายไทยจำนวนมากตบเท้าเข้าคัดเลือกทหารกันแล้ว
ตามกฎหมายไทย การคัดเลือกทหารมีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะ ได้แก่ การคัดเลือกทหารกองประจำการ และการคัดเลือก
ทหารกองเกิน
ทหารกองประจำการ คือ ผู้ซึ่งขึ้นทะเบียนกองประจำการ และได้เข้ารับราชการในกองประจำการจนปลด กล่าวคือชายไทยอายุ 18 ปี คนใดได้รับหมายเรียก จะต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกเกณฑ์ทหาร ตามหมายเรียกของนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ โดยหลักฐานที่ต้องใช้ มีดังนี้
1. หมายเรียก (แบบ สด.35)
2. ใบสำคัญ (แบบ สด.9)
3. บัตรประจำตัวประชาชน
4. ประกาศนียบัตรหรือหลักฐานการศึกษา
ขั้นตอนการเกณฑ์ทหารกองประจำการ
ผู้ที่ได้รับหมายเรียก (แบบ สด.35) ต้องเข้าแถวตามตำบล จากนั้นประธานกรรมการตรวจเลือกทหารหรือประธานกรรมการเกณฑ์ทหาร จะทำการชี้แจงความจำเป็นถึงการตรวจเลือกทหาร เมื่อประธานกรรมการชี้แจงเสร็จ กรรมการสัสดีจะชี้แจงถึงขั้นตอนการปฏิบัติในการตรวจเลือกทหาร รวมทั้งสิทธิต่าง ๆ ของผู้ถูกเข้ารับราชการทหารกองประจำการคือผู้ที่สมัครหรือผู้ที่จับสลากแดงได้ ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้
- กรรมการเรียกชื่อเข้าตรวจเลือก
- กรรมการแพทย์ตรวจร่างกายว่าสมบูรณ์ดีหรือไม่ ซึ่งคนที่ร่างกายพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคที่กฏหมายกำหนดให้ไม่ต้องเข้ารับราชการทหา
- กรรมการจะวัดขนาดสูงและขนาดรอบตัวของร่างกาย
- ประธานการตรวจเลือก/เกณฑ์ทหารจะตรวจสอบขั้นสุดท้ายถ้าร่างกายสมบูรณ์ดีและขนาดสูง 1 เมตร 60 เซนติเมตร ขนาดรอบตัว 76 เซนติเมตร ในเวลาหายใจออก จะให้รอจับสลากสำหรับคนที่ร่างกายสมบูรณ์ดี แต่ขนาดสูงต่ำกว่า 1 เมตร 60 เซนติเมตร ขนาดรอบตัวต่ำกว่า 76 เซนติเมตร ในเวลาหายใจออกและคนร่างกายไม่สมบูรณ์ดีหรือร่างกายพิการทุพพลภาพหรือมีโรคที่ขัดต่อการเป็นทหารกองประจำการ ประธานกรรมการจะปล่อยตัวพร้อมกับมอบใบรับรองผลการตรวจเลือกให้ทหารกองเกินรับไป
- ทหารกองเกินหรือบุคคลที่จับสลากแดงหรือสมัครเข้าเป็นทหารกองประจำการ ประธานกรรมการตรวจเลือกจะส่งตัวให้นายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอออกหมายนัดให้ไปเข้ารับราชการทหารตามผลัดที่จับสลากได้ หรือผลัดที่สมัครไว้
ทหารกองเกิน
ทหารกองเกิน คือ ผู้ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ และยังไม่ถึง 30 ปีบริบูรณ์ ซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา 16 หรือผู้ซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา 18 แล้ว
กล่าวคือ ชายสัญชาติไทยเมื่ออายุ 17 ปีบริบูรณ์ ต้องไปลงบัญชีทหารกองเกิน (ขึ้นทะเบียนทหาร) ตามภูมิลำเนาของบิดา ถ้าบิดาถึงแก่กรรมให้ลงบัญชีทหารกองเกินตามภูมิลำเนาของมารดา ถ้าบิดา มารดาถึงแก่กรรมให้ลงบัญชีทหารกองเกิน ตามภูมิลำเนาของผู้ปกครอง เมื่อลงบัญชีทหารกองเกินเสร็จแล้วจะได้รับใบสำคัญ (แบบ สด.9) โดยนำหลักฐานไปลงบัญชีทหาร ดังนี้
1. บัตรประจำตัวประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
3. สูติบัตร (ถ้ามี)
จากนั้นผู้ที่ลงบัญชีทหารกองเกิน เมื่ออายุ 20 ปีบริบูรณ์ ต้องไปรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.35) ภายในปี พ.ศ.นั้น ๆ กรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นไปรับหมายเรียกแทน จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจ และนำหลักฐานไปยืนต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ดังนี้
1. ใบสำคัญ (แบบ สด.๙)
2. บัตรประจำตัวประชาชน
ทั้งการคัดเลือกทั้งทหารกองประจำการ และทหารกองเกิน ใช่ว่าเมื่ออายุครบแล้วจะได้รับการตรวจเลือกทันที แต่สามารถที่จะทำเรื่องผ่อนผันการคัดเลือกทหารได้ หากมีกิจจำเป็นและไม่พร้อมที่จะเข้ารับการตรวจเลือกในปีนั้นๆ
การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อเลี้ยงดูบิดา มารดา
ผ่อนผันเกณฑ์ทหาร เพื่อเลี้ยงดูบิดามารดา ซึ่งไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพ หรือชราจนหาเลี้ยงชีพไม่ได้และไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู ขั้นตอนดังนี้
1. ถ้ามีบุตรต้องเกณฑ์ทหารพร้อมกันหลายคน ให้บิดามารดาเลือกเพียงคนเดียว
2. ยื่นคำร้องต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ก่อนวันเกณฑ์ทหารไม่น้อยกว่า 30 วัน
3. ทำการร้องขอผ่อนผันต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือกอีกครั้ง
หลักฐานที่ต้องนำไปแสดงการขอผ่อนผัน
- ใบสำคัญ (แบบ สด.9)
- หมายเรียก (แบบ สด.35)
- บัตรประจำตัวประชาชนของตนเอง/บิดาหรือมารดา
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- หลักฐานที่แสดงว่าบิดาหรือมารดาเป็นคนไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพ
- หลักฐานอื่นที่มีและเกี่ยวข้อง
การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อเลี้ยงดูบุตร
หากต้องการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารเพื่อเลี้ยงดูบุตร ซึ่งมารดาตายหรือไร้ความสามารถ หรือพิการทุพพลภาพ ซึ่งบุตรยังหาเลี้ยงชีพไม่ได้ หรือไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู ทำตามขั้นตอน ดังนี้
1. ยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่ง อำเภอ ก่อนถึงวันเกณฑ์ทหาร/ตรวจเลือกทหารไม่น้อยกว่า 30 วัน
2. ร้องขอต่อคณะกรรมการตรวจเลือกทหาร ในวันตรวจเลือกทหาร/วันเกณฑ์ทหารอีกครั้ง
หลักฐานที่ต้องนำไปยื่นคำร้องขอผ่อนผัน
- ใบสำคัญ (แบบ สด.9)
- หมายเรียก (แบบ สด.35)
- บัตรประจำตัวประชาชนของตนเอง/ภรรยา
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบสำคัญการสมรส/ทะเบียนสมรส
- ใบมรณบัตรของภรรยา (ถ้ามี)
- หลักฐานที่แสดงว่าภรรยาไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพ
- หลักฐานอื่นที่มีและเกี่ยวข้อง (ถ้ามี)
การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อศึกษาภายในประเทศ
การผ่อนผันเนื่องจากอยู่ระหว่างการศึกษาภายในประเทศ เป็นการผ่อนผันให้ เนื่องจากมีจำนวนคนมากกว่าจำนวนคนที่หน่วยทหารต้องการ โดยนักเรียนโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 หรือเทียบเท่า จะได้รับการผ่อนผันจนสำเร็จระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า แต่อายุไม่เกิน 22 ปีบริบูรณ์
ขณะที่นิสิตหรือนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ สถาบันการศึกษาของรัฐหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จะผ่อนผันให้ศึกษาที่ไม่สูงกว่าระดับปริญญาโท และจนถึงอายุครบ 26 ปีบริบูรณ์ แต่สำหรับการศึกษาภาคนอกเวลาหรือภาคสมทบ หรือนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงและมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชต้องมีผลการศึกษาสอบไล่ได้ภาคละไม่น้อยกว่า 9 หน่วยกิต ทุกภาคติดต่อกัน
ขั้นตอนยื่นคำร้องขอผ่อนผัน
- ยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อสถานศึกษาที่ศึกษาอยู่
- ไปเข้ารับการตรวจเลือกเพื่อใช้สิทธิ์การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารในวันตรวจเลือก
- หลักฐานที่ใช้ประกอบในการขอผ่อนผัน ได้แก่ ใบสำคัญ (แบบ สด.9) หมายเรียก (แบบ สด.35) บัตรประจำตัวประชาชน
การขอผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ
การผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร เนื่องจากไปศึกษาต่อต่างประเทศ จะได้รับการผ่อนผันการตรวจเลือกทหารตามจำนวนปีที่ใช้การศึกษาตามหลักสูตรจนกว่าจะจบการศึกษา แล้วยกเว้นให้ไม่ต้องมาแสดงตนในวันตรวจเลือกเกณฑ์ทหาร โดยให้นักเรียนผู้ขอผ่อนผันหรือมอบอำนาจให้บิดามารดา หรือผู้ปกครอง ยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอท้องที่ภูมิลำเนาทหาร
หลักฐานที่จะต้องนำไปยื่นคำร้องขอผ่อนผันทหาร
- ใบสำคัญ (แบบ สด.9)
- หมายเรียก (แบบ สด.35)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอผ่อนผันของผู้ยื่นคำร้องขอผ่อนผันแทน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- หนังสือรับรองของสถานศึกษาพร้อมสำเนาคำแปลเป็นภาษาไทย
- หนังสือรับรองของสถานฑูตหรือสถานกงสุลไทย ณ ประเทศที่ไปศึกษา
การรับราชการทหารกองประจำการ และทหารกองเกิน นอกจากการตรวจเลือกเข้ารับราชการแล้ว (จับใบแดง/ใบดำ) ยังมีอีกวิธีคือชายไทยที่ผ่านเกณฑ์การตรวจร่างกายก็สามารถร้องขอยื่นสมัครเข้าเป็นทหารกองประจำการและทหารกองเกินได้ โดยสามารถเข้าไปแจ้งความจำนงค์กับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยคัดเลือกทหารนั้นๆ
การเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ โดยปกติมีระยะเวลาสองปี แต่สำหรับผู้มีคุณวุฒิต่างๆ อาจมีระยะเวลาเข้ารับราชการกองประจำการน้อยกว่าสองปีได้
โดยผู้ที่มีคุณวุฒิ ม.6 หรือเทียบเท่าขึ้นไป ต้องนำหลักฐานการศึกษาหรือประกาศนียบัตรหรือหนังสือรับรองวิทยฐานะที่จบ รด. ปี 1 หรือปี 2 แสดงต่อคณะกรรมการตรวจเลือกภายในวันตรวจเลือก ซึ่งจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า ถ้าสมัครเป็นทหาร 1 ปี ถ้าจับได้สลากแดงเป็นทหาร 2 ปี
หากจบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรืออนุปริญญาขึ้นไป ถ้าสมัครเป็นทหาร 6 เดือน ถ้าจับสลากได้สลากแดงเป็นทหาร 1 ปี หรือจบ รด. ปี 1 ถ้าสมัครเป็นทหาร 1 ปี ถ้าจับได้สลากแดงเป็นทหาร 1 ปี 6 เดือน หากจบ รด. ปี 2 ถ้าสมัครเป็นทหาร 6 เดือน ถ้าจับได้สลากแดงเป็นทหาร 6 เดือนเช่นกัน
ส่วนผู้ที่ได้รับการยกเว้นไม่ให้เข้าตรวจรับราชการทหาร ได้แก่บุคคลที่สำเร็จวิชานักศึกษาวิชาทหาร (รด.) โดยกลุ่มนักศึกษาวิชาทหารที่สำเร็จหลักสูตรชั้นปีที่ 3 ให้ขึ้นทะเบียนกองประจำการแล้วปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 1 แทน ซึ่งจะต้องนำหลักฐานที่จะต้องไปยื่นแสดง คือ
- ใบสำคัญ (แบบ สด.9)
- หมายเรียก (แบบ สด.35)
- บัตรประจำตัวนักศึกษาวิชาทหาร
- สำเนาทะเบียนบ้าน
การฝึกทหารเกณฑ์ทั้งคนสมัครใจ และคนที่จับสลากได้รับใบแดง จะมีขั้นตอนเหมือนกัน โดย 3 เดือนแรกจะมีการฝึกที่หนักสร้างร่างกายและความอดทน เพื่อปรับจากพลเรือน ให้เป็นพลทหาร จากนั้นแต่ละหน่วย แต่ละกรม จะมีวิธีการเรียนทางทหารที่แตกต่างกันออกไป
การเกณฑ์ทหาร นับเป็นเรื่องระทึกในชีวิตของชายไทยทุกคนที่ต้องเคยผ่านพ้น เพราะเป็นหน้าที่ที่ถูกบัญญัติไว้ในกฎหมาย หากละเลยไม่ปฏิบัติตามอาจมีโทษสูงสุดคือจำคุกไม่เกิน 3 ปี ซึ่งโทษดูเหมือนจะไม่หนักหนาสาหัส แต่เชื่อเถอะว่า มีผลกระทบตามมาอีกเป็นขบวนเป็นแน่ถ้าคิดหนีทหาร ทางที่ดีควรทำหน้าตามหน้าที่ เพราะสุดท้ายแล้วพยายามจะหลบเท่าไหร่ คงไม่พ้นอยู่ดี . . .