บรูไนบังคับใช้บทลงโทษใหม่ภายใต้กฎหมายอาญาอิสลาม หรือกฎหมายชารีอะห์ เมื่อวานนี้ (3 เม.ย. 62) โดยกำหนดให้ลงโทษประหารชีวิตต่อผู้กระทำความผิดฐานรักเพศเดียวกันและคบชู้ ซึ่งก่อให้เกิดกระแสคัดค้านอย่างรุนแรงจากประเทศต่างๆ รวมถึงกลุ่มสิทธิมนุษยชน และนักแสดงชื่อดังหลายคน
ภายใต้กฎหมายใหม่นี้ บางส่วนจะบังคับใช้ครอบคลุมถึงเด็กและชาวต่างชาติด้วย แม้จะไม่ใช่ชาวมุสลิม โดยผู้ที่พบว่ากระทำความผิดฐานรักเพศเดียวกันและคบชู้ จะถูกปาก้อนหินใส่ หรือเฆี่ยนตีจนเสียชีวิต
ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ แห่งบรูไน เสนอกฎหมายนี้เมื่อปี 2557 เพื่อค้ำชูอิทธิพลของศาสนาอิสลาม ในประเทศที่มีประชากร 430,000 คน และราว 2 ใน 3 เป็นชาวมุสลิม ขณะที่ก่อนหน้านั้น กลุ่มคนรักเพศเดียวกันจะถูกลงโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี
ด้าน นักแสดงชื่อดังอย่าง “จอร์จ คลูนีย์” “เอลตัน จอห์น” และ “เอลเลน ดีเจนเนอริส” ได้ออกมาคัดค้านกฎหมายใหม่ดังกล่าว และเรียกร้องให้ผู้คนคว่ำบาตรโรงแรม 9 แห่งในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งเกี่ยวข้องกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน รวมถึงโรงแรมเบเวอรี่ ฮิลส์ ในสหรัฐฯ ดอร์เชสเตอร์ในกรุงลอนดอน และพลาซ่า แอทธินี ในกรุงปารีส
ขณะที่ เมื่อวันอังคาร (2 เม.ย. 62) สหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส ได้เรียกร้องให้บรูไนระงับการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ด้านสมาคมสากลของกลุ่มเลสเบี้ยน เกย์ คนรักสองเพศ คนข้ามเพศ และคนสองเพศ หรืออิลก้า (ILGA) ระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายใหม่จะทำให้บรูไนเป็นประเทศที่ 7 ที่มีการใช้โทษประหารชีวิตต่อคนรักเพศเดียวกัน
แต่ในบรูไนไม่มีใครแสดงการคัดค้านกฎหมายใหม่ เนื่องจากกษัตริย์บรูไนเป็นประมุขของรัฐที่มีอำนาจบริหารเบ็ดเสร็จ การวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของพระองค์จึงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นในประเทศ
